Lönmottagares berättelse เรื่องเล่าห้าร้อยตอนก็ไม่จบของมนุษย์เงินเดือนหญิงไทยในสวีเดน ตอนที่ 5
สามวันดี สี่วันไข้
เรียนจบ SFI ก็แล้ว ขึ้นทะเบียนคนหางานก็แล้ว ร่อนใบสมัครงานก็แล้ว ยังไม่ได้งานเสียที จะทำไรต่อไปดีนะ จะกู้เงิน CSN ก็ยังไม่ได้ เพราะยังอยู่ไม่ครบสองปี ไม่มีตังค์ใช้เลย เงินสำรองเลี้ยงชีพก็ร่อยหรอลงไปทุกที กลุ้มใจจริงว้อยยยยยย
สามีก็กลุ้มใจและลำบากใจไม่แพ้กัน ไหนจะค่ากินค่าอยู่ที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ไหนจะอีเมียที่ทำหน้าหงิกหน้างอเพราะไม่สบอารมณ์ จิตตกกับการมาใช้ชีวิตเมียฝรั่งตกงานอยู่ในต่างแดน
คิดซ้ำซาก วนไปวนมา อารมณ์บูด ไหนใครว่ามาอยู่เมืองนอกแล้วสบาย ไม่เห็นจริงเลย บ้านก็ต้องทำความสะอาดเอง ทำกับข้าวไม่เก่งก็ต้องหัดทำ อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้างก็ต้องทนกิน จะกินทิ้งกินขว้างก็ไม่ได้ เพราะไม่มีเงินเหลือเยอะแยะให้ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ
ยิ่งเข้าไปท่องตามเวปเห็นเมียฝรั่งคนอื่นเขาเอาของสวย ๆ งาม ๆ มาอวดกัน อีป้ายิ่งสติแตกหนักเข้าไปใหญ่ ทำไมสามีของพวกเธอช่างใจดีและมีสตางค์ให้เธอซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอางค์ราคาแพง ๆ ใช้กันหนักหนา
ทำไมสามีอีป้าช่างยากจนเหลือเกิน ฮือ ๆ โฮ ๆ ตีอกชกหัว บ้าไปแล้วตรู
วันหนึ่งสามีก็มาบอกว่าที่ทำงานเธอมีพนักงานทำความสะอาดเป็นคนไทย ถ้าอีป้าสนใจจะทำความสะอาด ก็จะลองเอ่ยปากให้พี่คนไทยคนนั้นช่วยฝากให้
.........
หูยยยยย น้ำตาตกในเลยค่ะ
ไม่ได้ดูถูกงานซื่อสัตย์สุจริตใด ๆ ทั้งสิ้น ด้วยความสัตย์จริง
เพียงแค่สงสัยในชะตาชีวิตตัวเองที่ทิ้งงาน white collar เงินเดือนเยอะมากไม่รวมโบนัส เงินกองทุนเลี้ยงชีพ รถประจำตำแหน่งพร้อมน้ำมันเต็มถังและเล่นกอล์ฟฟรีเป็นระยะ ๆ บวกชีวิตหรูหราบ้าบอแถว ๆ บางคูวัด รังสิต บางกระดีมาเพื่อจะมาทำงานถูพื้นขัดส้วมในเมืองฝรั่ง มันคุ้มกันไหม คุ้มไหม คุ้มไหม
ถ้ามองในแง่รายได้ ก็คงพอ ๆ กันมั้ง
ไม่ซิ รายได้พนักงานทำความสะอาดในสวีเดนสูงกว่าเงินเดือนผู้จัดการเมืองไทยหลายตำแหน่งมากมายหลายขุมอยู่ แต่ในแง่ความก้าวหน้า การใช้สมอง ความท้าทายในการแก้ไขปัญหา มันไม่สามารถเทียบกันเป็นตัวเงินได้
สำหรับเรา คือมันทำใจไม่ได้ที่จะโยนประสพการณ์ความรู้ความสามารถเรื่องการค้าระหว่างประเทศของตัวเองที่สะสมมาเป็นเวลาหลายปีทิ้งไว้ข้างทาง เพียงเพื่อจะทำงานขัดกระไดไชรูท่อเพื่อแลกเงินเพียงอย่างเดียว เราคิดว่ามันได้ไม่คุ้มเสีย เป็นการลงทุนที่ไม่น่าลงทุนอย่างแรง ไม่ว่าจะเป็นแง่ไหนก็ตาม
ชีวิตของเรา ไม่สามารถเปรียบเทียบกับชีวิตนักวิชาการลี้ภัยสงครามจากอิรัค อิหร่าน โซมาเลีย ที่มาทำงานขับแท๊กซี่ ส่งหนังสือพิมพ์หรือทำความสะอาดแมคโดนัลด์ได้ เรามีบ้านอยู่ที่เมืองไทย เราจะกลับไปเมื่อไรก็ได้ ไม่มีใครหรือเหตุการณ์ใด ๆ มาห้ามปรามเราได้ถ้าเราจะกลับ
.........
แต่เราก็อุตส่าห์ไปพบพี่คนไทยคนนั้น เธอมองเราตลอดตัวหัวจรดเท้า แล้วเธอก็สรุปว่าสารรูปสาวออฟฟิสอย่างเรา ทำงานทำความสะอาดไม่ไหวหรอก
สรุปว่าแห้วค่ะ หัวเราะหึหึด้วยความขมขื่นใจ เวทนาปนสมน้ำหน้าตัวเอง
ขนาดงานทำความสะอาดก็ยังเป็นปัญหา ไม่มีใครกล้ารับเข้าไปทำ (อันนี้ประชด)
มีงานร้านอาหารไทยของแขกโผล่ขึ้นมาที่หน้าเวป จะสมัครไป สามีก็บอกว่าสามีจะตกที่นั่งลำบากถ้าภรรเมียแอบทำงานดำ สรุปว่าไปสมัครไม่ได้อีก แง่ม ๆ
มาถึงตอนนี้ก็แอบวางแผนในใจเป็นระยะ ๆ แล้วว่า กลับบ้านเราดีกว่า ตำแหน่งงานเก่าก็ยังอยู่ หัวหน้าไม่ได้รับใครมาแทน โทรคุยกันทีไร หัวหน้าก็ถามว่าเมื่อไรจะกลับมา
ถึงงานจะหนักและเหนื่อย แต่อย่างน้อยก็ยังมีกินมีใช้สบายปากสบายมือ
ตรงนี้อาจมีคนสงสัยว่าถ้าจะต้องกลับไปเมืองไทยจริง ๆ จะ ไม่อับอายคนที่เมืองไทยหรือ
ไม่อายค่ะ หน้าด้าน ฮ่าฮ่าฮ่า ป้าถือหลักว่าตัวฉัน ของฉัน ชีวิตฉัน
ถ้าเหมามั่ว ๆ เอาว่าเป้าหมายของการดิ้นรนมาอยู่เมืองนอกก็เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
อีป้าก็ย้อนถามตัวเองว่า ชีวิตที่ดีกว่าคืออะไร
มีบ้าน – บ้านมีแล้วค่ะซื้อเองด้วย ไม่ได้ขอสตางค์ใคร
มีรถ – รถก็มีแล้วค่ะ ขายไปแล้วด้วยค่ะ
มีเงินเก็บ – ใช้เงินเก็บจนจะหมดกรุอยู่แล้วค่ะ
มีงานทำ – ไม่มีค่ะ หาไม่ได้เลย
มีเงินใช้– มีนิดเดียว ไม่ใช่เงินตัวเอง แต่เป็นเงินที่สามีให้
มีชีวิตอิสระ– ขาดเงิน ขาดอิสระ กรี๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
ชั่งตวงวัดทั้งหมดแล้ว ชีวิตที่เมืองนอก ไม่ใช่ชีวิตที่ดีกว่าชีวิตที่เคยมีมาเลยสักนิด แล้วจะทนอยู่ไปทำไม
.........
คิดแบบนี้ซ้ำซาก วนไปวนมาอยู่ในสมอง
จนถึงฟางเส้นสุดท้าย
ชุดชั้นในที่มีอยู่มันเริ่มหมดอายุ อีป้าก็เลยเอ่ยปากขอสตางค์สามีเพื่อไปซื้อเสื้อในและกางเกงชั้นในคุณภาพดีราคาถูกสักสองสามตัว
สามีก็ควักสตางค์ออกมาให้ ไม่มากมายอะไร แค่พอค่าเสื้อในหนึ่งตัวและกางเกงชั้นในธรรมดาสองตัว
กำเงินไปซื้อของเหลือเงินทอนมานิดหน่อย เข้าบ้านปุ๊บ เอาถุงวางส่งเงินทอนให้สามี และก็บอกกับสามีว่า เธอรู้ไหม ตั้งแต่วันที่ฉันเริ่มใช้ชีวิตผู้ใหญ่ดูแลตัวเอง ไม่มีวันไหนที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองอับจนหนทางเท่าวันนี้มาก่อน
กับแค่กางเกงชั้นในสองตัวฉันยังไม่มีปัญญาหาเงินมาซื้อ ต้องแบมือขอเงินเธอ ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่ชีวิตที่ฉันต้องการ ฉันจะกลับเมืองไทย ไปทำงานหาเงินใช้เอง ไม่อยากเสียเวลาใช้ชีวิตอึดอัดไร้จุดหมายปลายทางอยู่ในสวีเดนต่อไป
.........
ผลปลาดุกว่า สามีช๊อคค่ะ
เธอตกใจ นั่งน้ำตาไหลพราก ๆ สะอื้นฮัก ๆ เหมือนเด็กเล็ก ๆ
หึยยยยยยยยยยยยยย ทำบาปอีกแล้วตรู อีป้าคิดในใจแต่ยังไว้ฟอร์ม
ถึงเวลานี้เราอยู่ด้วยกันมาประมาณปีกว่า ๆ เราเริ่มเรียนรู้กันและกันมากขึ้น สามีเป็นคนอารมณ์เย็นและใจดี ซึ่งตรงกันข้ามกับอีป้าที่เป็นคนอารมณ์ร้อนสุด ๆ (แต่ใจดีนะคร้า) ผู้ชายอ่อนโยน จิตใจดีอย่างสามีหาไม่ได้ง่าย ๆ นัก ข้อนี้อีป้ารู้ดี
.........
สามีชอบล้อเลียนว่า เราโชคดีมากที่ได้เขามาเป็นสามี เพราะนอกจากเธอจะหล่อเหมือน Huge Grant + Sean Connery + George Clooney (...มันเป็นไปได้ไงฟะ) เธอยังเป็นคนจิตใจดี อ่อนโยน รักเด็ก รักสัตว์ รักเสียงเพลง ไม่ดูถูกคนจน อีกทั้ง ยอมให้อีเมียข่มได้ข่มดีทุกวี่ทุกวัน
อีป้าก็ย้อนศรว่า แน่ใจหรือว่าเป็นโชค เธอไม่ได้คิดบ้างเหรอว่าฉันก็มีเช็คลิสต์ตอนที่ฉันจะเลือกผู้ชายมาทำสามีเหมือนกัน ฮ่าฮ่าฮ่า
.........
สามีขอร้องว่าให้ลองพยายามทนอยู่ในสวีเดนอีกสักหกเดือน ถ้ายังหางานทำไม่ได้ จะกลับไปอยู่เมืองไทยก็ตามใจ ขอแค่อย่างเดียว อย่าทิ้งเธอไป
กรี๊ซซซซซซซซซซซซซ เจอลูกนี้เข้าไป อีป้ามึนตึ๊บ
กอดคอร้องไห้กันจนหูตาบวมปูดทั้งสองคน ในที่สุดก็ตกลงใจกันว่า เราจะทำงานเป็นทีม เป้าหมายคืออีป้าต้องมีงานทำ งานที่ว่าไม่ใช่งานทำความสะอาด หรืองานใช้แรงงานอื่นใด ถ้ายังหาไม่ได้อีป้าจะกลับไปทำงานคุณนายงานเดิมที่เมืองไทย แต่เราจะไม่หย่าขาดจากกัน
ตามนั้นก็ได้ค่ะที่รัก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าพยายามกัดก้อนเกลือกิน เพราะเกลือมันเค็ม according to my opinion.
โปรดติดตามตอนต่อไป - เด็กเส้นเด็กฝาก
พี่ไก่
มีนาคม 2554
|