Lönmottagares berättelse เรื่องเล่าห้าร้อยตอนก็ไม่จบของมนุษย์เงินเดือนหญิงไทยในสวีเดน ตอนที่ 2
เรียน SFI
ขึ้นทะเบียนคนหางานเสร็จ ก็เดินหน้าเข้าชั้นเรียน SFI แบบงง ๆ เรียน ๆ สอบ ๆ จนจบใช้เวลาไปประมาณ 8 เดือน ระหว่างนั้นก็กลุ้มใจไปด้วยว่าจะหางานทำได้หรือเปล่า เพราะเงินสำรองที่มีอยู่ที่เมืองไทยก็เริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ สามีก็ไม่ได้ชื่อ Ingvar Kamprad เสียด้วยจะได้มีเงินค่าขนมให้เมียใช้เดือนละหลาย ๆ หมื่น แบบที่อีเมียเคยทำมาหาได้เองตอนอยู่เมืองไทย อร๊ายยยย กลุ้มใจเหลือเกินคร่ะ
อยากได้งานก็ต้องพูดสวิดิชให้ได้
เราก็ยังไม่ย่อท้อเรื่องหางาน เพราะถือหลักว่าถ้าไม่ออกไปตกปลามันก็ไม่ได้ปลา ในทำนองเดียวกัน ถ้าไม่ซื้อล๊อตเตอรี่ก็ไม่มีโอกาสถูกล๊อตเตอรี่
งานอะไรที่ใกล้เคียงหรือเหมาะกับคุณสมบัติ เราก็เขียนจดหมายส่งไปหมด
ตอนถูกเรียกไปสัมภาษณ์ครั้งแรก ตื่นเต้นดีใจมาก เพราะอย่างน้อยเราก็รู้ว่าคุณสมบัติอย่างเรามีโอกาสได้งานทำในประเทศนี้ มนุษย์เงินเดือนสัญชาติไทยเชื้อชาติไทยก็มีสิทธิแหย่เท้าน้อย ๆ เข้าสู่ตลาดแรงงานเก๋ไก๋ของสวีเดนเหมือนกันนะ ดีใจวุ้ย
สัมภาษณ์เสร็จ อีกไม่กี่วันก็รู้ว่าเขาไม่เรียกไปสัมภาษณ์รอบสองต่อ เพราะพูดสวิดิชไม่ได้ ฟังสวิดิชไม่รู้เรื่อง
ก็เพิ่งจบ SFI มาสด ๆ ร้อน ๆ คำศัพท์ภาษาสวิดิชในหัวไม่น่าจะมีเกินกว่า 200 คำ จะว่าไป อ่านหนังสือพิมพ์ก็ยังไม่รู้เรื่องเลย ฮ่าฮ่าฮ่า
อกหักสะบักสะบอมจากการสัมภาษณ์งานแรก แต่ก็ยังไม่ท้อ เขียนจดหมายสมัครงานฉบับต่อ ๆ ไปอีก
วันหนึ่งก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นที่บ้าน คนที่โทรมาเป็นผู้ชายพูดสวิดิชสำเนียง Skånska สุด ๆ บอกว่าโทรมาจากบริษัทอะไรสักอย่างที่เราเขียนจดหมายไปสมัครงาน อยากจะสัมภาษณ์เราทางโทรศัพท์ก่อน เราย้อนถามว่าพูดอังกฤษได้ไหม Mr Skånska บอกว่าเขาพูดอังกฤษไม่ได้ สรุปว่าอีป้าถูกน๊อคสลบตั้งแต่เริ่มยกหนึ่ง สวิดิชก็ยังฟังไม่รู้เรื่อง แล้ว skånska มันจะเหลือซากอะไรล่ะ
เรื่องไม่ยอมพูดภาษาสวิดิชนี่เป็นความดื้อส่วนตัวของอีป้าด้วย เพราะสามีก็พูดอังกฤษได้ เด็ก ๆ ที่บ้านก็พูดอังกฤษ ผู้คนรอบตัวพูดอังกฤษ คนในลูนด์พูดภาษาอังกฤษ เพื่อนร่วมชั้น SFI พูดอังกฤษ แค่ภาษาอังกฤษเราก็เอาตัวรอดในลูนด์ได้สบาย ๆ จะกระตือรือร้นพูดสวิดิชไปทำไม
อาการข้างต้นเรียกว่าอาการหมูไม่กลัวน้ำร้อนค่ะ กรุณาอย่าเอาไปเป็นแบบอย่าง
ในที่สุด สวรรค์ก็ส่งเทวดามาเปิดหูเปิดตาอีป้าว่า "ภาษาสวิดิชนี่มันสำคัญนะจ๊ะ ถ้าเธออยากหางานให้ได้ เธอก็ต้องพูดภาษาสวิดิชให้ได้"
เรื่องมันเป็นแบบนี้
อีป้าร่อนจดหมายสมัครงานอีกแล้ว คราวนี้ส่งไปบริษัท Backar BHV ที่ Sösdala ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก Eslöv เท่าไร อีป้าถูกเรียกไปสัมภาษณ์อีกแล้วคร่ะ ก็พูดจาบ้อ ๆ แบ้ ๆ ไปตามประสาหมดเวลาไปประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ดูเหมือนจะมีโอกาสได้งาน (เข้าข้างตัวเองสุด ๆ)
สัมภาษณ์จนหมดเวลา เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งอีกป้า ทั้งผู้จัดการจัดซื้อและผู้จัดการบุคคล
หลังจากนั้นก็ถูกไล่กลับบ้านไปรอโทรศัพท์เรียกสัมภาษณ์รอบสอง รอ ร๊อ รอ รอแล้ว รอเล่า ก็ไม่มีใครโทรศัพท์มาหา ในที่สุดก็มีจดหมายจาก Backer BVH ส่งมาที่บ้าน
ผู้จัดการบุคคลเขียนจดหมายมาปฏิเสธและทิ้งท้ายว่า
"ถ้าอีป้าตั้งใจปรับปรุงคุณภาพภาษาสวิดิชให้ดีมากขึ้นกว่านี้อีก โอกาสที่อีป้าจะได้งานดี ๆ ทำรับรองว่าไม่ไกลจนเกินเอี้อม"
โหยยยยยยยยยยย ปลื้มจังเลย ขนาดไม่ได้งานยังปลื้มขนาดนี้ ขอบคุณผู้จัดการบุคคลคนนั้นจริง ๆ ที่ช่วยแนะนำแนวทางให้กะเหรี่ยง
กะเหรี่ยงรับรองว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จะไม่ดื้อรั้นเอาแต่ใจพูดภาษาอังกฤษทั้งวี่ทั้งวั้น
กะเหรี่ยงจะปรับปรุงตัวและพยายามใช้ภาษาสวิดิชเป็นภาษาในชีวิตประจำวัน
To be continued - ครูเมดิน่า
พี่ไก่
มกราคม 2554
|