Lönmottagares berättelse เรื่องเล่าห้าร้อยตอนก็ไม่จบของมนุษย์เงินเดือนหญิงไทยในสวีเดน ตอนที่ 3
ครูเมดิน่า
ขอย้อนเวลากลับไปเม้าท์เรื่องห้องเรียน SFI – skånska för invanadre เสียหน่อย
เมื่อตอนที่เราเรียนเขายังไม่มีการแบ่งระดับเป็น a-b-c-d-e-f ไปจนถึง z อย่างปัจจุบัน ใครมาจากไหนก็จับเข้าคลาสเดียวกันหมด เนื่องจากในลูนด์เป็นเมืองมหาวิทยาลัยในชั้นเรียนของเราจึงมีนักเรียนโค่งคละเคล้ากันไปตั้งแต่หมอศัลยกรรมสมองจากอิหร่าน วิศวกรปิโตรเลียมจากเทกซัส นักศึกษาปริญญาเอกด้านคณิตศาสตร์จากเนเธอร์แลนด์ เจ้าสาววัยรุ่นจากหลังเขาตุรกี แม่บ้านอารบิคอีกมากหน้าหลายตา มีเราเป็นคนไทยคนเดียว
บรรยากาศในห้องเรียนก็งั้น ๆ พวกขี้โม้ก็แย่งกันพูดนั่นพูดนี่ พวกตั้งใจเรียนก็ก้มหน้าก้มตาเรียนจะได้จบไว ๆ และมีภาษาเป็นอาวุธออกไปหาสัมมาอาชีวะเลี้ยงชีพ
แอบสงสัยว่าทำไมแม่บ้านอารบิคหรือหนุ่ม (แก่) จากอิรัคอิหร่านจะต้องแจ้งครูทุกครั้งที่ขาดการเข้าชั้นเรียน ในขณะที่เราจะหายไปไหนกี่วันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย จึงได้รู้ทีหลังว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ลี้ภัยและได้รับเงินช่วยเหลือจากคอมมูน เป็นจำนวนเท่าไรต่อวัน อันนี้ไม่แจ้ง
สำหรับเราแล้ว เหล่าพ่อบ้านแม่บ้านอารบิคพวกนี้เป็นแรงบันดาลใจในทางลบอย่างมาก เพราะพี่ท่านไม่คิดจะหางานทำ ฮ่าฮ่าฮ่า
แม่บ้านอารบิคปากแดงขนตางอนรุ่นเยาว์คนหนึ่งถามว่า "ทำไมเราต้องตั้งใจเรียนขนาดนี้" เราตอบซื่อ ๆ ว่า "จะได้ออกไปหางานทำเร็ว ๆ" หล่อนหัวเราะกิ๊กใส่หน้าเรา และย้อนว่าทำไมต้องทำงานด้วย นั่งเรียนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ดีกว่า เพราะหล่อนก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าเรียนจบแล้วจะไม่ทำงาน
คำตอบจากแม่ปากแดงขนตางอนสร้างความสงสัยจนต้องหันมาถามตัวเองอีกครั้งว่า ตรูจะต้องทำงานไปทำไม นั่นนะซิ ทำงานไปทำไม
พ่อบ้านอารบิคอีกคนก็เล่าให้ฟังว่าอยู่สวีเดนมาปีนี้ก็ปีที่ 4 แล้ว (ทำไมยังต้องมาเรียน SFI อีกฟะ) ยังหางานทำไม่ได้สักที แถมย้ำอีกว่าพวกคนสวีเดนน่ะ รับแต่พวกสวีเดนเข้าทำงาน คนต่างชาติอย่างเรา ๆ ไม่มีโอกาสได้งานหรอก
หนุ่มอิรัคอีกคนถามว่าเธอจะทำงานทำความสะอาดหรือเสริฟอาหาร เราย้อนถามกลับไปว่าทำไมถึงคิดว่าเราจะทำสองอาชีพนี้ หนุ่มตอบกลับมาว่าเห็นผู้หญิงไทยชอบทำงานนี้กัน
อืมมมมมม ขอคิดดูก่อนนะ
สิ่งแวดล้อมเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะในห้องเรียน SFI ทำให้เราเกิดอาการรำคาญใจ ทางเดียวที่จะเอาตัวให้รอดจากสถานการณ์แสนหดหู่น่ารำคาญแบบนี้ได้คือ ต้องตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน
ใครจะเป็นอะไร จะทำอย่างไรก็ช่าง เป้าหมายของฉันเป็นแบบนี้และฉันตั้งใจว่าจะไปให้ถึง ฉันจะไม่ยอมให้บรรยากาศเฮงซวยในห้องเรียนพวกมากลากไปของเหล่าแม่บ้านอารบิคมามีอิทธิพลเหนือแผนการณ์ในอนาคตของตัวเอง
ต่อมาไม่นาน ชั้นเรียนของเราได้ครูผู้หญิงคนใหม่ชื่อ ครูเมดิน่า ครูเมดิน่ามาจากโรเมเนีย
ครูเมดิน่ามีชื่อเสียงโด่งดังในชั้นเรียน SFI ลูนด์ว่าเธอเป็นครูที่ดุ และว่านักเรียนแรง ๆ แบบไม่เกรงใจ ไม่เหมือนครูสวีเดนที่ออกไปทางหน่อมแน้ม
ครูเมดิน่าเป็นคนเข้ามากู้สถานการณ์ชั้นเรียนด้วยวิธีการสอนกึ่งเผด็จการเชาเชสคู เหล่าพ่อบ้านแม่บ้านอารบิคไม่ชอบคุณครูเมดินาแต่ก็ไม่กล้าหือ พูดไม่ถูกใจขึ้นมาครูแกไล่ออกจากห้องเรียนเฉยเลย แม่บ้านอารบิคปากแดงขนตางอนรุ่นเยาว์ที่ชอบนั่งคุยและหัวเราะกิ๊กกั๊กในห้องเรียนก็นั่งกันเงียบ จะตั้งใจเรียนหรือเปล่าก็ไม่รู้ อันนี้เรื่องของมัน
แต่ความก้าวหน้าในการเรียนการสอนก็ยืดยาดอึดอาดเหมือนเต่าคลานอยู่ดีในความรู้สึกของเรา ครูเมดิน่าช่วยเราด้วยการสร้างห้องเรียนในห้องเรียนขึ้นมา เราและเพื่อนอีกสองคนได้การบ้านพิเศษเพิ่มขึ้น ครูเมดิน่าจะแบ่งเวลาประมาณ 10-15 นาทีให้พวกเราสามคนสำหรับซักถามเพิ่มเติม
ในที่สุดเราก็จบ SFI มาด้วยความประทับใจในความเอาใจใส่ของครูเมดิน่า
คำพูดสุดท้ายที่ครูเมดิน่าบอกเราคือ ครูคงลืมเรายาก เพราะเราเป็นนักเรียนที่มีความทะเยอะทะยานสูงที่สุดคนหนึ่งที่เธอเคยพบมา
ขอบคุณคุณครูมากค่ะ
โปรดติดตามตอนต่อไป - ป้า Åsa ณ Arbetsförmedlingen
พี่ไก่
มกราคม 2554
|