: Diary :

+ 2011 + 2554 +

ถึงคราต้องย้ายบ้าน / 24 สิงหาคม 2554

สถานการณ์ที่พักในลุนด์

เมืองลุนด์ก็ขยายออกไปเรื่อยๆ รอบนอกก็มีการสร้างที่อยู่อาศัยกันหลายพื้นที่ ในเมืองก็เช่นเดียวกัน ปรับพื้นที่ว่างบางส่วนไปสร้างที่พัก ตึกที่ว่างอยู่ก็ปรับเป็นที่พัก นอกจากนี้ก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตึกที่พักเดิมเพื่อทำห้องเพิ่ม เช่น ในพื้นที่ๆ เราอยู่นี่แหละ เดิมชั้นล่างสุดเป็นห้องสำหรับเก็บของ เป็นห้องส้วม ห้องอาบน้ำ ห้องซักผ้า ห้องตากผ้า โถงโล่งๆ สำหรับจอดจักรยานในตึก เค้าก็ปรับกระชับพื้นที่ใหม่เพื่อประโยชน์สูงสุดและสร้างห้องพักเพิ่มโดยทุบห้องส้วม ห้องอาบน้ำ ห้องตากผ้าออกไป ส่วนห้องเก็บของก็ทำใหม่หมด ...

ซ่อมระเบียง

อพาร์ทเม้นท์ที่สวีเดนมีสองแบบ คือ แบบเช่า กับ แบบซื้อ ... ยุ้ยเองอยู่อพาร์ทเม้นท์ แบบเช่า ก็จะจ่ายค่าเช่าต่อเดือนแพงกว่าแบบซื้อเยอะ ค่าเช่าก็แล้วแต่ขนาดห้องและที่ตั้งของที่พัก เวลาอะไรเสียอะไรพังก็แจ้งเจ้าของให้เค้าส่งพนักงานมาทำ เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร (อาจจะมีกรณีที่ต้องจ่ายก็ได้ แต่ยังไม่เคยเจอ) เราไม่สามารถปรับแต่งต่อเติมภายในห้องตามอำเภอใจได้ และเจ้าของเค้าจะมีแผนว่า กี่ปีๆ จะต้องเปลี่ยนพื้น หรือผนังห้อง หรือปรับเปลี่ยนอะไรตรงไหน บางอย่างก็ทำให้ฟรี บางอย่างก็ต้องจ่ายเอง เช่น ในครัวที่ต้องจ่ายเอง เค้าจะส่งลิสต์มาให้ที่บ้าน เราจะทำหรือไม่ก็ได้ เค้าไม่ได้บังคับ

อพาร์ทเม้นท์แบบเช่านี้ลักษณะภายในห้องพักของแต่ละที่ก็จะตกแต่ง หรือจัดแบ่งห้องแตกต่างกันออกไป อย่างที่ยุ้ยอยู่เค้าเรียก สองห้องพร้อมครัว ก็จะมีห้องนอน และห้องรับแขกอันยาวและกว้างขวาง ครึ่งนึงเราก็วางชุดโซฟาวางทีวี อีกครึ่งจัดเป็นมุมทำงาน มีระเบียง มีห้องครัว ห้องน้ำ ห้องเสื้อผ้า ห้องโถงที่เป็นทางเดินเข้าบ้านเล็กๆ อีก รวมพื้นที่แล้ว 61 ตารางเมตร ค่าน้ำ ซานต้าบอกว่ารวมแล้วกับค่าเช่า ค่าไฟก็จะ 3 เดือนจ่ายครั้งนึง ถ้าเป็นห้องเดี่ยวก็คล้ายๆ หอพักส่วนใหญ่ที่เมืองไทยเรา แต่เค้าจะมีครัวเล็กๆ ให้แต่ครบเครื่องเลยนะคะ คือมีตู้เย็น ตู้แช่แข็ง เตา ตู้เก็บของ อ่างล้างจาน มีพื้นที่ทำกับข้าวอย่างสบายๆ เลย

ภายในอพาร์ทเม้นท์

อพาร์ทเม้นท์แบบซื้อ (ส่วนตัวแล้วไม่มีประสบการณ์เอง แต่ได้ยินเพื่อนๆ เล่าให้ฟังนะคะ) ราคาซื้อขายก็แล้วแต่ขนาดห้องและพื้นที่ตั้ง แล้วแต่ความหรูหราภายในห้อง และปัจจัยอื่นๆ อีกหลายหลาก แล้วก็ถ้าคนสนใจซื้อเยอะก็ต้องมาสู้ราคาแข่งกัน ... พอซื้อมาแล้วก็มีจ่ายรายเดือนด้วยซึ่งจะถูกกว่าอพาร์ทเม้นท์แบบเช่ามากๆ ... ลักษณะคล้ายๆ คอนโดบ้านเรา ที่ต้องจ่ายค่าส่วนกลาง ... เจ้าของสามารถปรับแต่งห้องได้ตามต้องการ เห็นเพื่อนเค้าเปลี่ยนโน่นทำนี่กัน แต่จะมีข้อจำกัดว่าอะไรได้หรือไม่ได้หรือป่าวนั้นไม่ทราบได้แน่ชัดค่ะ อีกอย่างแต่ละที่ก็มีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันอีก อพาร์ทเม้นท์แบบซื้อนี้ ถ้าอะไรเสียอะไรพังก็เห็นเค้าซ่อมเองจ่ายเอง แต่ละอย่างแพงมากอ่ะ ถ้าทำเองไม่เป็นก็ต้องไปจ้างเค้ามาทำ ค่าจ้างช่างก็โอยๆ ๆ แพ้งแพง ...

พื้นที่สวนรอบๆ ตึก มีสนามเด็กเล่น ที่จอดจักรยานหน้าตึกอพาร์ทเม้นต์

อพาร์ทเม้นต์ทั้งสองแบบนี้ ชั้นล่างสุดหรือห้องใต้ดิน จะมีห้องซักผ้าและห้องตากผ้าที่เป็นของส่วนรวมให้ เวลาจะไปใช้ก็ต้องไปจองวันเวลาซัก ตึกที่ยุ้ยอยู่เค้าให้เวลาครั้งละสี่ชั่วโมง และก็มีห้องเก็บของให้ของใครของมันด้วย แถวๆ บริเวณตึกก็จะมีที่จอดจักรยาน ที่สำหรับจอดรถก็มีให้แต่ต้องเสียเป็นรายเดือนหรือฟรีนั้นก็แล้วแต่ละที่ไปค่ะ อันนี้ไม่ทราบรายละเอียดสักเท่าไหร่ คร่าวๆ คือว่าถ้าเป็นลักษณะโรงจอดรถนี่ต้องเสียรายเดือนแน่นอนค่ะ บางคนเค้าจอดบนถนนเล็กๆ ข้างๆ หรือหน้าตึก และบริเวณนั้นไม่มีขีดเส้นแบ่งเป็นช่องๆ ให้ซึ่งตรงนี้เค้าจะไม่ต้องเสียค่าเช่าค่ะ เค้าก็จะระบุไว้ว่า วันไหนเวลาไหนที่จอดได้ เห็นบางที่เค้ามีขีดช่องไว้ให้แล้วมีหมายเลขกำกับ เลขนี้ของคนนี้คนอื่นห้ามมาจอด อันนี้ก็เสียตังค์ค่ะ

ที่จองเวลาซักผ้า และห้องซักผ้า

นอกจากนี้ถ้าในพื้นที่มีสวนหรือพื้นที่เหมาะสมเค้าก็จะมีสนามเด็กเล่นเล็กๆ ให้ด้วย มีชิงช้ากับม้าโยกอยู่ในกะบะทราย และไม่ไกลจากที่พักสักเท่าไหร่ก็จะมีโรงเรียนเด็กอนุบาล สะดวกสำหรับพ่อแม่และเด็กน้อยค่ะ ปั่นจักรยานหรือเดินไปส่งกันน่ารักสบายๆ ในบริเวณที่อยู่อาศัยบางที่ก็มีร้านค้าโชว์ห่วยเล็กๆ หรือซุปเปอร์มาเก๊ตเล็กๆ ด้วย ... ในกลางเมืองอาคารพาณิชย์กับอาคารที่พักก็จะปนๆ กัน ส่วนใหญ่จะเป็นตึกเก่าแก่ แต่ออกมารอบนอกสักหน่อยก็จะแยกกันชัดเจนระหว่างโซนอุตสาหกรรมหรือสำนักงานกับโซนที่พักค่ะ พื้นที่นี้ก็จะเป็นตึกใหม่ๆ มองดูทันสมัยกว่า (เมืองอื่นจะเหมือนหรือต่างจากลุนด์ก็ไม่ทราบได้นะคะ)

โรงทิ้งแยกขยะในเขตที่พัก

ยังไม่หมด อย่างในพื้นที่ๆ ยุ้ยอยู่จะมีโซนสำหรับปาร์ตี้กลางแจ้ง มีเตาให้ปิ้งย่าง มีโต๊ะเก้าอี้ในเพิงเล็กๆ มีสวนหย่อมน่ารักๆ รอบๆ ด้วย และนอกจากนี้แต่ละตึกก็จะมีที่ให้ทิ้งขยะ ก็แยกขยะทิ้งค่ะ ขวดใส ขวดสี กระป๋อง พลาสติก กระดาษกล่องกับหนังสือพิมพ์ทั้งหลายก็ขายไม่ได้ แง่มๆ แยกทิ้งไว้รีไซเคิล และก็มีกล่องให้ทิ้งพวกแบตเตอรี่ทั้งหลายด้วย ส่วนเศษอาหาร และอื่นๆ จิปาถะที่ไม่มีแยกให้ก็ใส่ถุงแล้วมัดปากมาโยนทิ้งในอีกถังนึงค่ะ ส่วนอุปกรณ์อิเลคทรอนิก ตู้ เตียง โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา เก่าๆ หรือชำรุดแล้ว ก็แยกไปทิ้งอีกที่ เค้าเรียกกันว่า สถานีขยะ อันไหนที่ยังพอใช้ได้อยู่ ยังดีอยู่แต่จำเป็นต้องทิ้งหรืออยากทิ้งเพราะอยากเปลี่ยนใหม่ ก็สามารถบริจาคได้ เช่นที่ Eriks hjälpen พวกเสื้อผ้า ของใช้อื่นๆ เค้าก็รับนะคะ ของหาดูในเวบไซต์ดูว่าแต่ละเมืองเค้ามีตั้งรับไว้ที่ไหน และเวลาไหนค่ะ

(โปรดติดตามตอนต่อๆ ไปค่ะ - เหตุที่ทำให้ได้ย้ายสักที)

// ยุ้ย