สร้างความสุขและความก้าวหน้าในชีวิตการทำงาน 2
กำลังใจในการทำงาน
ได้รับจากพ่อแม่และสามี บวกความจนที่เคยได้สัมผัสเมื่อตอนเด็ก ทำให้รู้สึกอึดฮึดสู้ "ทำดีมันต้องได้ดีลูกหล่าเฮ้ดไปโลด ไผบ่เห็นเทวดาเพิ่นต้องเห็นล่ะ ซื่อกินบ่หมดคดกินบ่นาน เมื่อยกะพักเซามีแฮงเด้อนาง"
นี่เป็นคำพูดประจำของพ่อที่ชอบพูดเข้าหู ในยามที่ต้องการกำลังใจ และในเวลาที่ลูกเหนื่อยล้าไปกับหน้าที่การงานในต่างแดน
แต่บางทีฟุ้งซ่านเพราะการปรุงแต่งอารมณ์ตนมากไป ใจเลยเลยเถิด คิดไปแทนแฟนของตน จนเกิดเป็นคำถาม
เจ้ยศรี: ที่รักคะ คุณอายไหม ที่มีเมียทำงานเป็นพนง.ทำความสะอาด
สามี: คิดยังไงถึงถามคำถามนี้ เธอรู้ไหมมันเป็นคำถามที่ดูถูกเขาอย่างแรง
บู๊ย...
.
.
.
.
และที่ลืมไม่ได้คือ คำชมจากเจ้านาย + ลูกค้า มันเป็นพลังงานอย่างหนึ่งที่สามารถมาเติมความชุ่มชื้นให้หัวใจได้พองโต นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับมาในแต่ละเดือน
คาถาวิเศษที่ใช้เป็นหลักยึดในการทำงาน
• ยึดหลักและเป้าหมายขององค์กรที่กล่าวมา
• ยึดหลักคำสอนของพุทธศาสนา คือ อิทธิบาท ๔ เป็นพื้นฐานแห่งความสำเร็จ
ฉันทะ ... พอใจในงานตน
วิริยะ ... เพียรทำในหน้าที่การงานของตน
จิตตะ ... เอาใจใส่ในงานตน
วิมังสา ... ทบทวน สอดส่องในเหตุและผลของงานการสิ่งนั้นๆ
เคล็ดไม่ลับเวลาไปทำบุญทำทาน อย่าลืมหว่านและอุทิศผลบุญไปหาเจ้านายให้เขาร่ำรวย แผ่เมตตาไปหาเพื่อนร่วมงานที่ป่วยบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรังสีอำมหิตที่ถูกยิงมาจากเพื่อนร่วมงานบางคน เราสามารถจัดการได้โดยส่งความเมตตาจากใจตอบกลับไปหาเขามากๆ เป็นร้อยเท่าทวีคูณ สุดท้ายที่เห็นผล เด้งออกไปแล้วสองรายที่ร้ายกาจ
"ยอมๆ เขาบ้างเป็นบางครั้ง
แกล้งโง่ให้มันบ้างเป็นบางคราว
แต่ไม่ใช่ว่าลาวจะยอมแพ้เด้อ เหอๆ
สรุปสุดท้ายคือตูเองหรือเปล่า? ที่ร้ายกาจ"
ท้ายสุดอยากฝากไว้
การได้ทำงานอย่างมีความสุขไปกับมันนั่นคือความสำเร็จในอาชีพการงานที่คุณได้รับ
แต่ไม่ได้หมายความว่าคนไม่มีงานทำ หรือคนที่ว่างงานจะล้มเหลวในหน้าที่การงานแต่อย่างใด
หากคุณมีความสุขและพอใจกับความเป็นอยู่และความเป็นไปแล้ว
คุณนั่นแหล่ะคือผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริง...นะเอย
จากเจ้ย "ลูกสาวตาสูน"
พฤศจิกายน 2554
|