แทนคำขอบคุณ ตอนที่ 4
การเตรียมตัวก่อนสอบปากเปล่า
ไล่อ่านเว็บไซต์ของสวีเดนที่มีคำแปลเป็นภาษาไทย คัดคำศัพท์ภาษาไทยออกมา แล้วมาดูว่ามันน่าจะตรงกับภาษาสวีเดนคำไหน หามาได้ประมาณพันคำ
ไล่อ่านบทบาทสมมุติ (rollspel) จนครบทุกชุด หาคำศัพท์จนครบ อัดเสียงใส่มือถือ เอาไว้ฟังทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นตอนเข็นรถเข็นพาลูกเดินเล่น ตอนนั่งเฝ้าลูกที่สนามเด็กเล่น ตอนเข้าห้องน้ำ ตอนนั่งรถไฟไปทำงานต่างเมือง ตอนก่อนนอน ฟังไปด้วยแปลไปด้วย (บางคนคงว่านังนี้บ้า นั่งฟังเพลงแล้วพูดอะไรคนเดียว)
ฟังข่าวสวีเดน ฟังรายการวิทยุสวีเดน เพื่อฝึกสำเนียง
ขอให้พ่อฝรั่งอ่านบทบาทสมมุติและอัดเสียงไว้ ส่งมาให้ จะได้ฝึกสำเนียงให้ถูกต้อง
ขอคำแนะนำจากเพื่อนล่ามภาษาอื่นที่สอบผ่านมาแล้ว
สุดท้าย ฟุ้งซ่านมาก ส่งอีเมล์ไปหาครูสอนล่าม ครู Jennie Fors ถามว่าเราควรจะเตรียมตัวอย่างไรดี ครูตอบกลับมาว่า ไม่มีอะไรจะเตรียมอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาคงมีแต่กรูดแหละที่เตรียมตัวดีขนาดนี้ก่อนการสอบ เหลืออยู่อย่างเดียวที่กรูดจะทำได้คือ “พยายามทำใจให้สบาย”
วันก่อนสอบ
จะไม่อ่านหนังสือ ... คือสิ่งที่คิดไว้ แต่ก็ยังอดไม่ได้ หยิบมาอ่านนิดหน่อย แล้วก็ไปนอนบ้านพ่อแม่ฝรั่ง เพราะไม่กล้านอนบ้าน เผื่อเลียมไม่สบาย ร้องตอนกลางคืน จะทำให้กรูดนอนได้ไม่เต็มอิ่ม
หอบลินน์ไปด้วยเพราะต้องให้นม ทิ้งเลียมไว้กับพ่อ
ช่วงสองสามวันก่อนหน้านั้นฟังเดี่ยวไมโครโฟนเยอะมาก เพื่อให้จิตใจแจ่มใจ คืนก่อนสอบก็เหมือนกัน เข้านอนแต่หัวค่ำ เปิดฟังเดี่ยวไมโครโฟน หลับสบาย
แต่กลางดึกต้องตื่นมาให้นมลูก แล้วดันนอนไม่หลับ เลยฟังเดี่ยวอีกรอบ นอนไม่หลับเกือบสองชั่วโมงได้
หลับ
ตื่นแต่เช้า
พากันเดินไปสถานีรถไฟแทนการนั่งรถยนต์ เพราะจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ และได้ออกกำลังกาย
...
ไปถึงก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
...
แล้วเขาก็มาเรียกไปสอบ
ชุดแรกผ่านไป ตื่นเต้นมาก
โห ทำไมพูดเร็วอย่างงี้ฟะ
ได้พักยี่สิบนาที เขาบอกมาว่าเรื่องต่อไปเป็นเรื่องคนไข้ไปหาหมอระบบนั้นนี้
หยิบหนังสือมาอ่านซะหน่อย เปิดป้าวิกกี้ดูหน่อย
เข้าไปสอบ โห ถ้าบาปบุญมีจริง แสดงว่าเราทำบุญมาเยอะพอสมควร เพราะไอ้โรคที่เราพึ่งนั่งอ่านเมื่อกี้น่ะ มันมาโผล่อยู่ในข้อสอบ โอ้พระเจ้า
เสร็จแล้ว คิดว่าคงไม่ผ่านหรอก มันคาบเส้นมากๆ
เคยได้ยินมาว่า ถ้าเก่งมากๆ หรือห่วยแตกมากๆ เขาจะให้แปลแค่สองชุด เขาก็บอกผลสอบได้แล้ว แต่ถ้าก้ำกึ่งเขาจะให้แปลสามชุด
พอได้ยินว่าเขาจะให้เข้าไปแปลอีกชุด กรูดเลยรู้สึกดีใจมาก เพราะแสดงว่ายังพอมีลุ้น
ได้พักอีกยี่สิบนาที แต่พักจริงๆ นานกว่านั้นมาก ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ต่อไปเป็นเรื่องกฎหมาย อันนี้คิดว่าตัวเองถนัด เลยไม่อ่าน และคิดว่า ศัตรูของกรูด ณ ขณะนั้น คือความตื่นเต้น และความเครียด กรูดต้องขจัดมันให้ได้
เอาเลย พี่โน้ตคะ เชิญอีกสักรอบเถอะค่ะ เปิดฟังพี่โน้ตค่ะ
แต่ตื่นเต้น และเครียดมาก ขนาดพี่โน้ตยังเอาไม่อยู่
เอาไงดีล่ะ
ร้องเพลงดีกว่า
เอาเพลงไหนดี
อืม ... อิ่มอุ่นละกัน ขนาดลิงน้อย เอ๊ย เลียมน้อยยังสงบลงได้ เวลาที่แม่ร้องเพลงอิ่มอุ่นให้ฟัง
ก็เลยเริ่มเลยค่ะ หอนอยูคนเดียวให้ห้องแคบๆ ในชั้นใต้ดิน ที่มีหน้าต่างเล็กๆ อยู่ในระดับสูงกว่าพื้นถนนพอแค่ไม่ให้น้ำท่วมซึมเข้าได้เท่านั้นเอง
กรูดก็ไปยืนตรงหน้าต่าง พยายามมองออกไปข้างนอก ให้สมองมันโล่ง มันคงจะดีกว่าการมองผนังห้อง และมองหนังสือเก่าบนชั้นหนังสือ (เก่าจริงๆ เก่าขนาดสองสามสี่ร้อยปีได้มั้ง)
อิ่มอุ่นมันก็เพราะล่ะนะ แต่พอร้องหลายรอบมันก็เริ่มเบื่อ และเหนื่อย
เลยเปลี่ยนเพลง
ช่วงหลังๆ น้องชายซึ่งมาช่วยเลี้ยงหลานชอบเล่นเพลงคำเมืองช่วงเย็นๆ ก็เลยแอบเอาไอเดียมา
เริ่มเลย อุ้ยคำ มะเมียะ สาวเชียงใหม่ ... ห่วย มันมีแต่เพลงโหยหวนชวนเศร้า
เปลี่ยนอารมณ์หน่อย เอา เอาสาวมอเตอร์ไซค์ละกัน
แล้วเขาก็มาเรียกตัวไปสอบ
คราวนี้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะหยุดเขาให้มากกว่าที่ผ่านมา ไม่ต้องรักษามารยาทแล้ว ตายเป็นตาย
เข้าไปแปล แปล แปล แปล แปลไปก็มองดูกระดาษในมือเขาไป
โห เมื่อไหร่มันจะจบ เหนื่อยจัง
โห อีกตั้งห้าหน้า (เท่าที่ประมาณจากสายตา)
และแล้ว มันก็จบจนได้
ออกมาจากห้องสอบ รู้สึกโล่งมากกกกกกก
ไม่ว่าผลมันจะเป็นอย่างไร อิฉันก็มีความสุข ที่มันสิ้นสุดลงแล้ว
เป็นไทแล้ว
...
โทรหาแม่ฝรั่งที่กำลังพาลินน์ออกไปเดินเล่นข้างนอก เพื่อไม่ให้กรูดเสียสมาธิเวลาสอบ
โทรหาสามี สามีติดประชุม
ถ้าจำไม่ผิดเข้ามาเขียนข้อความไว้ในเฟซบุ้ค ระหว่างที่รอผล จำไม่ได้ว่าได้ไปเว็บไม่เป็นไรด้วยหรือเปล่า หรือแค่คิดว่าจะไปส่งข่าวทางนู้น แต่ไม่ทันได้ไป เพราะแม่มาถึงก่อน เลยควักนมมาป้อนลูกก่อน
แล้วเขาก็มาเรียกตัวไป “เธอจะให้นมลูกให้เสร็จก่อนก็ได้นะ”
“ถ้าพวกคุณไม่ถือ ฉันก็อยากจะเขาไปตอนนี้เลย”
ว่าแล้วก็อุ้มลูกเดินตามเขาเข้าไปในห้อง ลินน์น้อยก็ดูดนมต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
พอเข้าไปเขาก็จัดเก้าอี้ให้นั่ง (ฉลาดมากค่ะ เพราะอิฉันอาจเข่าอ่อนเป็นลมล้มพับได้)
แล้วเขาก็บอกว่าจะถามคำถามเรื่องจรรยาบรรณล่ามหน่อยนะ
เขาก็ยกตัวอย่างสถานการณ์มาแล้วถามเรา กรูดก็ตอบไป
พอผ่านไปประมาณสามถึงห้าคำถาม กรูดก็เริ่มเอะใจ “นี่แปลว่าฉันสอบผ่านเหรอ เพราะถ้าไม่ผ่านเขาจะมาเสียเวลาถามคำถามฉันทำไม”
“เกณฑ์ที่จะผ่านนี่คือ ๙๐ คะแนนนะ”
อ้าวเหรอ ซวยแล้วตู กรูดนึกว่ามันแค่ ๘๐ คะแนน แล้วที่คิดว่า ๘๐ คะแนน กรูดยังคิดว่าจะไม่ผ่านเลย แล้วนี่มัน ๙๐ คะแนน แล้วมันจะไปเหลืออะไร
เจ้าหน้าที่ bla bla bla bla
สรุปว่า สอบผ่าน
โอ้ มายยยยยยยยย ก้อดดดดดดดดดดดดด
พอได้ยินแค่นั้น ยกมือไหว้เขาพร้อมกับกล่าวขอบคุณซะนับครั้งไม่ถ้วนเลยค่ะ
พี่มะกรูด
Thai Tolk.nu | Tolkar | Översätter | Lär Ut
23 พฤศจิกายน 2553
|