แทนคำขอบคุณ ตอนที่ 3
ตอนนั้นรู้ว่าอีกประมาณปีกว่าๆ นิดๆ จะมีการจัดสอบเอาใบรับรองสำหรับล่ามภาษาไทย กรูดกับสามีก็เริ่มวางแผนครอบครัวกัน กรูดคำนวณมาแล้วว่า ถ้าจะท้องต้องท้องช่วงเดือนนั้นเดือนนี้ ถึงจะไม่เสี่ยงที่จะคลอดตอนสอบล่าม ถ้าจำไม่ผิดคือ ต้องท้องก่อนเดือนพฤศจิกา หรือหลังเดือนเมษาเป็นต้นไป ถึงจะไม่ชนกับการสอบเดือนกันยา
ชาวบ้านเขาก็ขำๆ ค่ะ ว่าเราวางแผนครอบครัวโดยใช้การสอบล่ามเป็นตัวกำหนด
แล้วก็ท้องสมปรารถนา แต่กลับแท้งตอนไปเมืองไทย แล้วก็ท้องใหม่อีกทีตอนเดือนเมษาฯ
อ้า เข้าล็อกๆ ไม่ชนกับการสอบล่าม ช่วงสอบก็จะท้องได้ห้าหกเดือนพอดี กำลังเหมาะ ช่วงนั้นส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแพ้ท้องกันแล้ว และก็โอกาสจะคลอดก่อนกำหนดก็ยังไม่มากเท่าไหร่
ช่วงนั้นในชีวิตก็เลยมีสามโครงการใหญ่ค่ะ คือโครงการเป็นแม่คน โครงการเตรียมสอบล่าม และโครงการทำหนังสือใบขับขี่ให้เสร็จ อยากสอบล่ามให้ได้ก่อนคลอด เพื่อที่คลอดมาแล้วจะได้ทำงานได้น้อยลง แล้วได้เงินมากขึ้น หนังสือใบขับขี่ก็อยากทำให้เสร็จก่อนคลอด เพื่อที่จะได้มีรายได้ไหลมาเรื่อยๆ หลังคลอด จะได้ทำงานน้อยลง มีเวลาให้ลูกเยอะๆ
แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นที่หวังไว้ ผลสอบออกมาไม่ผ่าน คือการสอบมันจะมีสองส่วนใหญ่ๆ คือ ข้อเขียน กับ ปากเปล่า ซึ่งการสอบข้อเขียนก็จะแบ่งเป็น ๓ ส่วนย่อยๆ อีก คือ ทฤษฎี แปลคำศัพท์สวีเดนเป็นไทย และไทยเป็นสวีเดน อย่างละร้อยคำ กรูดผ่านสองส่วน ตกส่วนไทยเป็นสวีเดน แต่เราคิดว่าเราน่าจะได้คะแนน ก็เลยแย้งไป
การสอบก็ไม่เป็นตามหวัง หนังสือดันเสร็จไม่ทันก่อนคลอด เฮ้อ
แล้วดันมามีปัญหากับสำนักงานประกันสังคมอีก เขาคำนวณฐานเงินรายได้ให้น้อย ทำให้ได้เงินทดแทนสำหรับผู้ปกครองกรณีลางานเพื่อเลี้ยงดูลูกได้น้อยด้วย กรูดคิดว่ามันไม่ยุติธรรม เขาไม่ทำตามกฎ (พวกล่ามนี่ เรียนมาก รู้มาก ปากใหญ่ - ปากใหญ่เป็นสำนวนสวีเดน แปลว่า เถียงเก่งค่ะ)
คลอดลูกแล้วทำงานหนักมาก อยากพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า “เนี่ยะ ขนาดฉันไม่ได้ทำงานเต็มเวลา บริษัทฉันยังทำรายได้ได้ตั้งขนาดนี้ ปีหน้าเธอปรับฐานรายได้ให้ฉันใหม่เสียดีๆ” และอีกอย่างตอนนั้นพึ่งได้สัญญากับบริษัทแปลเอกสารได้ไม่นาน ไม่กล้าปฏิเสธงาน ไม่กล้าลาเลี้ยงลูก กลัวเขาไม่เอาเรา เพราะอาชีพนี้ถ้าเราไม่ทำเขาก็ลืมเรา เขาไม่ต้องมาดูแลห่วงใยเรา เพราะเราไม่ได้อยู่ในฐานะลูกจ้าง เราเป็นแค่นักแปลอิสระ (อิสระมากเลยค่ะ เลยล่องลอยเคว้งคว้างเหมือนขนนก)
ช่วงนั้นจิตตกมากค่ะ แต่เพราะว่าทำงานมากเลยไม่ค่อยมีเวลาคิดทบทวน ไม่มีเวลาจะมารู้สึก ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ไม่มีเวลาอะไรซักอย่าง
ช่วงนั้นไปเรียนเป็นครูสอนล่ามด้วย และก็สอนล่ามไปด้วยพร้อมกัน ไปเรียนก็หอบลูกหอบสามีไปด้วย พักก็วิ่งไปให้นมลูก บางทีลูกหิวมาก ก็หอบลูกไปให้นมในห้องเรียนด้วย ครูก็แสนดีให้กรูดเอาลูกไปนั่งให้นมในห้องได้ ตอนกรูดไปสอนนักเรียน นักเรียนก็แสนดี ยอมให้กรูดเอาลูกไปให้นมในห้องด้วยเมื่อคราวจำเป็น นักเรียนรุ่นนั้นมีพี่ผู้ชายด้วย พี่เขาก็โอเค(มั๊ยฮึ)
เหนื่อย แต่ก็สู้
แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ไหว เลยไปคุยกับสำนักงานประกันสังคมว่ามันน่าจะมีอะไรผิดปกติซักอย่าง ปรากฏว่าเรามีสิทธิ์อุทธรณ์คำตัดสินของเขา แต่เขาไม่ได้ให้ข้อมูลเรามา กรูดเลยเดินเรื่องต่อสู้กับสำนักงานประกันสังคม สู้ไปสู้มาจนชนะ เขาปรับฐานรายได้เพิ่มขึ้นให้
เสร็จเรื่องนั้นแล้ว ก็มาเรื่องเตรียมสอบล่ามใหม่ เพราะผลการสอบครั้งเก่าที่แย้งไปยังไม่มาเลย ต้องสมัครสอบกันเหนียว ช่วงนั้นเลียมอายุได้หนึ่งปี แม่ก็กะเตงๆ ไปเรียนด้วย หาคนมาช่วยเลี้ยงกันจ้าละหวั่น ตอนนั้นมันต้องไปเรียนนอกเมือง ไปพักที่โรงเรียน พักทุกครั้งกรูดก็วิ่งไปหาลูก ไปหอมแก้มลูก แต่อยู่ได้แค่ไม่กี่นาที ก็ต้องจากเขามาอีก วันหลังๆ ถึงมาฉุกคิดว่า บางทีไม่ให้เขาเจอเราวันนึงเต็มๆ อาจจะดีกว่า เพราะการพลัดพลากสี่ห้าครั้ง กับการพลัดพรากแค่ครั้งเดียว การพลัดพรากครั้งเดียวอาจจะดีกว่า ไม่มาทำให้เขาดีใจแล้วก็เสียใจวันละหลายๆ หน
แล้วก็ไปสอบ
รอผล รอแล้วรออีก
ผ่านข้อเขียนค่ะ
รอเรียกไปสอบปากเปล่า ขอเขาสอบก่อนคลอด เพราะว่าถ้าคลอดมาแล้วสมองจะทื่อ เพราะทั้งเหนื่อยที่เลี้ยงลูกสองคน เหนื่อยเพราะอดหลับอดนอน และคราวก่อนหลังคลอดมีอาการณ์จิตตกด้วย
แต่เขาก็จัดให้ไม่ได้เพราะว่าเขาหาคนตรวจข้อสอบปากเปล่าให้ไม่ได้
ในที่สุดเขาก็หาได้
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
พี่มะกรูด
Thai Tolk.nu | Tolkar | Översätter | Lär Ut
23 พฤศจิกายน 2553
|