หนทางสู่การเป็นผู้ช่วยกุ๊ก ตอนที่ 9
"ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" คำกล่าวนี้เป็นจริงเสมอ
หลังจากที่คร่ำเคร่งร่ำเรียนมาครบสองเทอม แก๊งค์นักเรียนสาวทั้งหก บวกอีกสองหนุ่มก็(จะ)ได้รับใบประกาศรับรองผลการเรียนการเป็นผู้ช่วยกุ๊ก (kockbiträde) แล้ว
เมื่อฝึกงานรอบที่สองเสร็จนักเรียนก็กลับเข้าโรงเรียนอีก เพื่อเรียนทฤษฎีวิชาอื่นๆ เพิ่มและเตรียมตัวสอบ วิชาที่เรียนมี arbetssäkerhet และ arbetsmiljö เป็นการเรียนซ้ำจากเทอมที่แล้ว
นอกจากนั้นก็ยังมี yrkesekonomi ด้วย ปวดหัวสุดๆ บวก ลบ คูณ หาร คำนวนปริมาณเวลาซื้อของเข้าร้าน ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีรายได้แบบย่อยๆ การบริหารงานร้านอาหาร ฯลฯ
แถมยังมีทำอาหารเพิ่มอีกสองเซ็ท คือ อาหารประจำชาติสวีเดน ๒๐ อย่าง และอาหารนานาชาติอีก ๒๐ อย่าง ซึ่งอาหารนานาชาตินี้เป็นการเรียนเพื่อสอบภาคปฏิบัติก่อนจบการศึกษา
การสอบคราวนี้ไม่ใช่การจับฉลากจากรายชื่ออาหาร แต่ครูจะให้ตะกร้าใส่วัตถุดิบมาหนึ่งตะกร้า ประกอบไปด้วยเนื้อและผัก พร้อมเครื่องปรุงชนิดต่างๆ จำนวน ๓๐ ชนิด และกำหนดให้ทำอาหารสองอย่าง จะเป็นของว่าง หรือของหวานก็ได้ กับอาหารจานหลัก โดยให้เลือกเองว่าจะทำอะไร ใช้เครื่องปรุงอันไหนบ้าง แต่ต้องใช้ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ชนิด

วิธีการปรุงนั้นจิ๊บๆ เพราะอาหารนานาชาติมีวิธีการปรุงไม่ยาก แต่ปัญหามันอยู่ที่จะทำยังไงให้มันมีส่วนประกอบครอบคลุมไปถึง ๑๖ ชนิด เพราะอาหารแต่ละอย่างที่อยู่ในรายชื่อใช้ส่วนประกอบไม่เยอะ ดังนั้นเราจึงต้องหาวิธีพลิกแพลงกันจนสุดความสามารถ ซึ่งการจัดเมนูไม่ใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้ แต่มันมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ
อาหารจานหลักจะต้องไม่มีสี รสชาติ วิธีการปรุง เหมือนกันกับอาหารว่าง หรือของหวาน เช่น ไม่เสิรฟชอคโกแลตซึ่งมีสีน้ำตาลเข้ม กับเนื้อวัวทอด หรืออบ เพราะสองอย่างมีสีคล้ายกัน ไม่เสิรฟคอกเทลกุ้ง กับอาหารที่ทำจากปลา หรือหอย เพราะทั้งสองอย่างเป็นอาหารทะเล และมีสีคล้ายกัน เป็นต้น นอกจากนั้นก็ยังรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องคำนึงถึงในการจัดเมนู เป้าหมายก็คือ จะต้องมีความหลากหลาย

Gustav Adolfsbakele Av Åsa
เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็เขียนรายการส่วนประกอบ พร้อมปริมาณ วิธีการปรุง แล้วก็คำนวนราคาต้นทุนของวัตถุดิบแต่ละอย่างจากใบราคาที่ครูให้ คำนวนต้นทุนและราคาขายต่อจาน ทั้งก่อนและหลังหักภาษี จากนั้นจึงลงมือเปิดเตาได้
นอกจากภาคปฏิบัติแล้วก็ยังต้องสอบทฤษฎีด้วย การสอบจบนี้สอบเกี่ยวกับทุกอย่างที่เรียนมาตลอดทั้งปี เป็นการรวมข้อสอบของทุกวิชาที่เคยเรียนมา หินมากกกก ต้องอ่านหนังสือทุกเล่มใหม่ทั้งหมดเพราะไอ้ที่เรียนมาคืนครูไปหมดแล้ว อิอิ
ก็ค่อนข้างเครียด แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เป็นไปตามสุภาษิตที่ว่า "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" เมื่อเรียนจบทางโรงเรียนจะส่งข้อมูลทุกอย่างไปให้คอมมูน ทางคอมมูนจะส่งใบประกาศมาให้ที่บ้าน ซึ่งในชั้นนี้มีนักเรียนเรียนจบแค่แปดคนเท่านั้น หายไปครึ่งต่อครี่งกันเลยทีเดียว คนที่มาบ้างไม่บ้าง ครูไม่ให้สอบจบ เพราะเวลาเรียนไม่พอ ทำงานส่งไม่ครบ ดังนั้นหากใครจะเรียนคงต้องรับผิดชอบตัวเองให้ดี จะได้ไม่เสียเวลาฟรี

เผยโฉมแก๊งค์หญิงเก่ง อิอิ ถ่ายกับครูในวันกินเลี้ยงจบการศึกษา
ก็เป็นอันจบเรื่องเล่าของนักเรียนการครัวที่สวีเดน หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นแนวทางให้คนที่สนใจเรียนทางนี้บ้าง ไม่มากก็น้อย หากใครที่สนใจก็อย่าได้ลังเลค่ะ เรียนทำอาหารให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
โชคดีค่ะ
พิณ
เขียนเล่าเรื่องไว้เมื่อ ธันวาคม 2553
|