หนทางสู่การเป็นผู้ช่วยกุ๊ก ตอนที่ 6
การฝึกงาน (ภาคต่อ...)
เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจจาก City Gross ก็บ่ายหน้าไปที่ Scandic hotell ...
งานนี้โชว์เดี่ยว เพราะเพื่อนอีกสองคนยกเลิกการฝึกงานไปกลางคันตั้งแต่อยู่ City Gross แล้ว อาทิตย์แรกได้ยืนเฝ้าแผนกครัวเย็น เตรียมผัก ซอสและของหวาน สำหรับบุฟเฟต์กลางวัน ซึ่งมีบริการทุกวัน เสร็จจากบุฟเฟต์ก็ได้รีบหน้าที่จัดการกับอาหารกล่องที่เอาไปวางขายที่ร้านค้าด้านหน้าแผนกรับรอง เช่น แซนวิช และสลัดแบบต่างๆ ซึ่งแผนกร้านค้าจะส่งออร์เดอร์มาในครัวว่าวันนี้ต้องการอาหารอย่างไหน เป็นจำนวนเท่าไหร่ เราก็จัดการปรุงตามเมนูที่เขามีให้ดู บรรจุใส่กล่อง แปะสติกเกอร์ยี่ห้อโรงแรม พร้อมคำอธิบายส่วนประกอบ สารอาหารที่มี ปริมาณ และวันหมดอายุ
บางวันก็ได้ออกไปเสนอหน้างามๆ ที่ห้องอาหาร ไปช่วยเขาจัดโต๊ะบุฟเฟต์มั่ง ไปช่วยแนะนำอาหารให้ลูกค้ามั่ง สนุกดี อาทิตย์สุดท้ายได้ไปช่วยงานในครัวร้อน แต่เนื่องด้วยงานไม่มาก จึงมีเวลาว่างกันเยอะ ก็ได้นั่งพักขา ได้เล่นหัว คุยกับเด็กฝึกงานจากโรงเรียนอื่นๆ บ้าง และส่วนมากจะได้กลับบ้านก่อนงานเลิก
ก็เป็นโชคอีกแล้วที่เจอแต่คนใจดี ทำให้ไม่เครียดเรื่องเพื่อนร่วมงาน แต่มาเครียดเรื่องสุขภาพของตัวเองแทน...
การทำงานที่นั่นไม่ค่อยได้เดินเท่าไหร่ วันทั้งวันก็ยืนเฝ้าแต่เคาเตอร์หั่นผัก ทำให้ปวดขามากถึงมากที่สุด ตอนทำงานจะไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ แต่พอเลิกงานก้าวขาแทบไม่ออก ตอนกลางคืนลุกไปเข้าห้องน้ำแทบจะคลานไป เพราะมันยืดเข่าไม่ขึ้นจริงๆ ทรมานสุดๆ ที่จริงเราจะบอกครูก็ได้ว่าทำไม่ไหว ครูก็จะให้กลับเข้าไปนั่งเรียนในโรงเรียนแทน เห็นหลายๆ คนทำอยู่ แต่ด้วยความที่ไม่อยากได้ไข่มากิน ไม่อยากได้ icke ในใบประกาศนีบัตรตอนเรียนจบ ก็เลยต้องจำทน จนผ่านพ้นมาด้วยดีโดยไม่มีการลากิจ ลาป่วยเลยซักวัน พอได้รู้ผลการประเมิณผลงานจากหัวหน้าพ่อครัวที่ส่งให้โรงเรียนทำเอาลืมปวดไปเลย ดีใจมากๆ ที่ดื้อด้านจนได้ดี อิอิ
ที่สุดท้ายเป็น ครัวของโรงเรียน (storkök) ทำอาหารให้นักเรียนกินตั้งแต่รุ่นประถมจนถึงมหาวิทยาลัย ครัวจะทำอาหารประมาณ 1000 ชุดต่อวัน และจะมีนักเรียนจากหลายๆ โรงเรียนมากินกัน เรื่องความสะอาดเยี่ยมมาก ทางแม่ครัวใส่ใจในทุกเรื่องอย่างเคร่งครัดจริงๆ
อาหารทั้งพันชุด มีทั้งบริการในสถานที่และส่งไปตามโรงเรียนต่างๆ จำนวนหนึ่ง มีทั้งแบบสำหรับคนปกติ และสำหรับคนที่ต้องกินอาหารแบบพิเศษ เช่น คนที่แพ้สารอาหารชนิดต่างๆ คนไม่กินเนื้อ ไม่กินหมู หรือคนกินเจ เป็นต้น บอกได้คำเดียวว่าทีมงานเป็นมืออาชีพสุดๆ และคนกินก็มีระเบียบวินัย กินเสร็จเก็บจานมาใส่ตะกร้าสำหรับเข้าเครื่องล้าง
ถ้าหากคุณมีลูกเข้าโรงเรียนในสวีเดน มั่นใจได้เลยว่าลูกของคุณจะได้กินอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน และสะอาดปลอดภัย (ถ้าหากว่าทุกโรงเรียนใช้มาตรฐานเดียวกันกับที่ที่ผู้เขียนไปฝึกงานนะ) ไม่ว่าลูกคุณจะกินยากขนาดไหน ขอเพียงแค่แจ้งรายละเอียดต่างๆ ให้ทางครัวทราบ แม่ครัวจะทำอาหารพิเศษให้เลยทีเดียว แยกต่างหากพร้อมเขียนชื่อแปะไว้
แม่ครัวที่ทำอาหารพิเศษก็พิเศษเช่นกัน คือทำเฉพาะอาหารสำหรับคนพิเศษ ถึงเวลาอาหารเที่ยงก็จะมีคนทะยอยเข้ามารับอาหารในครัว ส่วนอาหารปกติวางไว้ให้ตักเองในห้องโถงใหญ่ คนที่กินอาหารพิเศษมีทั้งเด็ก-ผู้ใหญ่ปกติ และเด็กพิเศษและเด็กดาวน์ ประทับใจเด็กพิเศษมาก เพราะเป็นกลุ่มเดียวที่มีโอกาสได้พูดคุยด้วย อิอิ ทุกคนน่ารัก อัฒยาศัยดี ที่สำคัญมีน้ำใจ
เวลาเขาเห็นเราทำอะไรก็จะเข้ามาคุยด้วย จะถามว่าทำอะไรเหรอๆ เราก็ตอบทำอาหารให้เธอกินไง เขาก็ขอบคุณ แป๊บเดียว ถามอีกแล้ว ทำอะไรๆ ทำทำไม เราก็ตอบไป มาทุกวัน เขาก็ถามทุกวัน แต่ไม่เคยนึกรำคาญเลย รู้สึกว่าพวกเขาบริสุทธิ์จริงๆ เขาจะสนใจในสิ่งที่เราทำ เห็นเราเปิดขวดไม่ออกเขาก็อาสาช่วยทั้งๆ ที่ตัวเล็กนิดเดียว ทั้งทุบ ทั้งบิดพอเปิดไม่ออกก็หัวเราะ วางขวดทิ้ง แล้วก็ไป... ชีวิตของพวกเขาดูเหมือนจะง่าย ไม่ต้องกังวลกับอะไร
บางวันกลับบ้านมาคุยให้แฟนฟังว่าเกิดเป็นคนพิเศษในประเทศนี้นี่ก็ดีไปอย่างนะ บางทีก็นึกอยากเป็นแบบนั้นมั่ง จะได้ไม่ต้องคอยกังวลว่าวันนี้จะมีอะไรกินไหม เรียนจบจะหางานได้หรือไม่ เพราะรัฐบาลมีสวัสดิการให้ทุกอย่าง มีคนดูแลไม่ว่าจะทำอะไร
แต่ตาแฟนบอกว่า อย่ามองแค่ภายนอก ตัวเราไม่ได้เป็นอย่างเขาไม่รู้หรอกว่าลึกๆ เขารู้สึกอย่างไร ตัวเขาเองอาจจะคิดเหมือนเราก็ได้ว่า ถ้าเลือกได้เขาก็อยากเป็นคนปกติเหมือนเรา เขาคงอยากใช้ชีวิตเหมือนคนปกติเหมือนเราเช่นกัน เพราะการเป็นแบบเขามันมีข้อจำกัดในชีวิตหลายอย่าง นี่ล่ะหนาคน ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนมีและเป็น โลกมันถึงได้วุ่นวายเนอะ แหะๆ
Lernia Utbildning AB
เมื่อจบการฝึกงานก็กลับเข้าโรงเรียนเพื่อรายงานผลกับครู และเตรียมตัวสอบครั้งสุดท้ายก่อนปิดเทอม ส่วนตัวแล้วพอใจกับผลงานที่ออกมามาก ถึงจะเหนื่อยแต่ก็คุ้ม การฝึกงานทำให้เราได้เรียนรู้ชีวิตการทำงานในสถานที่จริง ได้รู้จักคุ้นเคยกับคนทำงานในสาขาที่เราสนใจ ซึ่งอาจเป็นผลดีกับการหางานทำในภายภาคหน้าได้ ร่างกายแข็งแรงขึ้น เพราะยกเข่ง ยกลังบริหารร่างกายทุกวัน ฮ่าๆ
ตอนนี้ก็จบการเรียนเทอมแรกแล้ว ต่อไปก็ปิดเทอม และได้นอนกลางวันให้สมกับการรอคอยซะที ขอเวลาพักซักระยะค่ะ
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
พิณ
เขียนเล่าเรื่องไว้เมื่อ ตุลาคม 2553
|