หนทางสู่การเป็นผู้ช่วยกุ๊ก ตอนที่ 4
8.30 เป็นเวลาที่เราเริ่มเรียนกันทุกวัน หากวันไหนไม่ได้เข้าครัวก็จะเป็นการนั่งฟังครูบรรยายเนื้อหาเกี่ยวกับวิชาต่างๆ รวมทั้งบอกเล่าประสบการณ์ในการทำงานของครู และอดีตเพื่อนร่วมงานในสมัยที่ทำงานตามร้านอาหารก่อนมาเป็นครู ตอนที่ผู้เขียนเข้าไปเรียนใหม่ๆ มีครูอยู่สองคน สอนกันคนละชั้น ครูที่สอนเป็นคนเก่งมาก สามารถพูดได้โดยไม่พักเป็นชั่วโมงๆ โดยมีนักเรียนนั่งหาวหวอดๆ อยู่ตามมุมต่างๆ อิอิ
หากวันไหนมีงานติดพันก็จะเลิกเรียนกันสี่โมงเย็นเลย แต่ส่วนมากมักจะได้กลับก่อนเวลา แล้วมาอ่านหนังสือเองที่บ้าน การเรียนในห้องเรียน ครูจะให้ทำงานกลุ่มบ้าง ทำรายงานทั้งปากเปล่าและข้อเขียนบ่อยๆ หากวันไหนครูไม่ได้จัดให้ทำงานกลุ่ม นักเรียนสามารถเลือกได้ว่าอยากทำอะไร เช่น อยากอ่านหนังสือเงียบๆ อยากใช้คอมฯ หาข้อมูล ก็บอกครูแล้วก็หอบหนังสือไปหาที่นั่งได้ตามสะดวก จะอ่านคนเดียว หรือจับกลุ่มก็ตามสบาย
ที่โรงเรียนมีคอมฯ และเครื่องพิมพ์เอกสารให้ใช้ฟรี มีหนังสือเกี่ยวกับอาหารและโรงแรมให้อ่านและยืม ห้องอาหารไม่มีเป็นเรื่องเป็นราวเพราะพื้นในโรงเรียนไม่ได้ใหญ่มาก แต่มีโต๊ะ เก้าอี้ วางตามทางเดินให้นั่ง มีไมโครเวฟให้อุ่นอาหาร มีตู้เย็นไว้เก็บห่อข้าวกลางวันอย่างพอเพียง ถ้าวันไหนทำครัวก็จะกินกันในห้องครัว ซึ่งจะมีโต๊ะอาหารขนาดยาวไว้ให้นั่ง
ครัวใหญ่
โรงเรียนที่ผู้เขียนเรียนมีครัวอยู่สองครัว ครัวแรกเป็นเหมือนครัวที่บ้านทั่วไป เตาอบและ อุปกรณ์ในครัวก็เป็นแบบที่เราคุ้นเคยกันซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งครัวนี้จะใช้สำหรับนักเรียนใหม่ พอนักเรียนกลุ่มใหม่มา นักเรียนเก่าก็ย้ายไปใช้งานครัวใหญ่ ซึ่งมีลักษณะเหมือนครัวตามร้านอาหารจริงๆ อุปกรณ์ในครัวจะทั้งใหญ่ ทั้งหนักเหมือนตามร้านที่ไปฝึกงานเป๊ะๆ
ตอนนี้โรงเรียนรับนักเรียนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนักเรียนหลักสูตรปกติ ก็มีหลักสูตรเรียนภาษาควบทำอาหารดังที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ แล้วก็ยังมีหลักสูตรกุ๊กที่คนเรียนถูกส่งมาจากกรมแรงงาน (arbetsförmedlingen) อีกด้วย ซึ่งสองหลักสูตรหลังเพิ่งเปิดสอนเทอมนี้ ครูผู้สอนเองก็เพิ่มจากสองเป็นสี่ แต่ห้องครัวยังมีเท่าเดิม ดังนั้นจึงต้องแบ่งกันใช้เป็นวันๆ ไป ไม่งั้นนักเรียนเหยียบกันตายคาครัวแน่ๆ
คิดถึงช่วงเปิดเทอมแรกๆ นักเรียนทั้งสองห้องมีไม่ถึงสามสิบคน ในห้องที่ผู้เขียนเรียนมีนักเรียนยี่สิบคน ในบรรดายี่สิบคนมีอาหรับสาม ไทยหนึ่ง นอกนั้นคือสวีเดน อาทิตย์แรกทุกคนดูคึกคัก เป็นเด็กใหม่ไฟแรง ร้อนดังฉ่าๆ กันเลยทีเดียว กระฉับกระเฉงกันมาก แต่หลังจากได้ฟังคำบอกเล่าเกี่ยวกับหลักสูตรจากรุ่นพี่ ไฟมันค่อยๆ หรี่ลงๆ และนักเรียนก็ค่อยๆ หายหน้าไปทีละคน สองคน สามคน...
ยิ่งเรียนไป ยิ่งลด ทุกครั้งที่มีสอบวัดความสามารถจะมีหนึ่งคนเสมอที่หายไป เป็นอยู่แบบนี้สองอาทิตย์ สามอาทิตย์ จนถึงวันออกฝึกงานครั้งแรกเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน เหลือนักเรียนอยู่ครึ่งเดียว วันที่ฝึกงานเสร็จกลับเข้าโรงเรียน ต๊กกะใจ ห้องเรียนโล่งเชียว นักเรียนหายไปเกินครึ่ง!
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ยอมรับตามตรงว่าเรียนหนักมาก ทั้งฝึกงาน ทั้งอ่านหนังสือ เหนื่อยทั้งกายและใจจนร่ำๆ จะถอดใจก็หลายหน หากไม่ดื้อด้านจริงๆ อยู่ไม่รอดแน่ ไม่ใช่ว่าจะขู่คนที่จะไปเรียนนะ แต่บอกตามตรงว่าเรียนหนักมาก ต้องอ่านหนังสือเองในช่วงที่ฝึกงาน เพราะทุกครั้งที่กลับเข้าโรงเรียนก็จะต้องสอบ และนี่ก็เป็นสิ่งที่ครูคอยพร่ำบอกตลอดตั้งแต่เริ่มเรียน หากใครคิดว่าไม่ไหวให้ถอนตัวแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่เสียเวลา อย่าได้คิดว่าเรียนทำอาหารแล้วคุณจะยืนในครัวทำแต่อาหารทั้งวัน คุณต้องเรียนรู้ทุกอย่างที่เป็นพื้นฐานของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับงานสาขานี้ ทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติ
ช่วงที่เรียนในห้องก็มีเรื่องให้ขำๆ พอสมควร เนื่องด้วยไม่ค่อยได้ทำอาหาร ไม่ค่อยรู้จักศัพท์เครื่องครัวและพืชผักเท่าไหร่ ทำให้ตอนแรกๆ จะเอ๋อๆ อยู่ แถมศัพท์หลายอย่างเรียกเป็นฝรั่งเศสอีกต่างหาก เวลาครูบอกให้หยิบอะไรสักอย่าง งงเป็นไก่ตาแตก แม้แต่คนสวีเดนเองก็ไม่รู้จักชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของเครื่องใช้ในครัวกันทุกคน แล้วต่างด้าวอย่างเราจะไปเหลืออะไร อิอิ แต่หลังจากผ่านไปเดือนกว่าๆ ทุกคนผ่านการทดสอบขึ้นแรกไปแล้ว...
ต่อไปก็เป็นการออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก เพื่อสัมผัสกับชีวิตการทำงานในครัวจริงๆ กัน ถ้าพร้อมแล้วตามมาเลยค่ะ!
(โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...)
พิณ
เขียนเล่าเรื่องไว้เมื่อ ตุลาคม 2553
|