The Feeling 2
เรื่องต่อมาที่รู้สึกประทับใจก็คงจะหนีไม่พ้นอากาศที่ประเทศนี้ล่ะครับ ในประเทศไทยจะมีช่วงกว้างของอุณหภูมิไม่เยอะนักก็จะอยู่ที่ราวๆ 25-35 องศา ความต่างก็ราวๆ 10 องศา ส่วนที่สวีเดนนี่ความกว้างจะอยู่ที่ราว -25 – 25 องศา เพราะฉะนั้นความรู้สึกที่ได้อยู่ในที่มีอุณหภูมิต่างกันขนาดนี้ ก็เป็นเรื่องสัมผัสที่น่าประทับใจครับ แต่ในทางกลับกันบ้านเราเมืองเราไม่ว่าจะหน้าร้อนหน้าหนาว เราก็สามารถเที่ยวได้ด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์ครับ ชุดเดียวเที่ยวได้ทั้งปีเลย แต่ที่เมืองหนาวเมื่อสภาพอากาศไม่เอื้ออานวยให้เราใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ได้ตลอดปี เราต้องเลยต้องมีการเตรียมตัวหาเสื้อผ้าหนาๆ ไว้รอสภาพอากาศที่น่าประทับใจไว้กันล่ะครับ ยามจะออกบ้านหรือออกตึกทีนึงในหน้าหนาวมากๆ เราก็ต้องใส่เสื้อหนาวซักสามชั้น กางเกงสองชั้น รองเท้าบูทหนาๆ รวมเวลาในการใส่เสื้อผ้าเพื่อออกนอกตึกก็ราวๆ สามนาทีเข้าไปแล้วครับ
Uppsala, Sweden
เชื่อหรือไม่การอยู่ต่างประเทศนี้ก็มีความประทับใจต่อตัวเองได้เหมือนกันครับ ไม่เคยนึกมาก่อนว่าการเดินทางมาต่างบ้าน ต่างเมือง ต่างภาษา ต่างสังคม ต่างวัฒนธรรม จะทำให้เราเห็นเรามากขึ้น อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวจริงๆ ครับเมื่อต้องดำรงอยู่ในสังคมที่ใช้ภาษาอังกฤษซึ่งเมื่อเกิดการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน เราจะต้องพยายามใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารให้รู้เรื่องให้ได้ แม้ว่าจะเอ่ยคำถามเพื่อขอความช่วยเหลือ เราจะต้องมีการตระเตรียมประโยคคำพูดของเราก่อนในหัว แล้วก็ค่อยๆ นึกต่อไปว่ามันเป็นภาษาสุภาพและเมื่อคนฟังได้ยินแล้วเค้าพร้อมจะให้ความช่วยเหลือเราหรือเปล่า หรือเค้าฟังแล้วเกิดอาการ "หมั่นไส้" หรือไม่อยากช่วยเหลือหรือเปล่า เลยได้ข้อสรุปกับเรื่องนี้ว่า การที่ต้องเปลี่ยนภาษาพูดนี่ก็ดีเหมือนกัน ทำให้เรารู้ตัวอยู่ตลอดว่าเรา "มีปาก" เวลาจะพูดอะไรรับรู้ทุกคำที่พูดออกไป แต่ในทางกลับกันในภาษาไทย ปากมักจะรั่วๆ คือเมื่อได้ยินใครพูดอะไรสามารถตอบกลับไปได้เลยโดยไม่มีการทบทวนประโยคก่อนว่าประโยคนั้นเรียงถูกหรือยัง หรือคนฟังจะเข้าใจหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้ก็ให้ได้เข้าใจว่า เวลาที่คนพูดไม่ผ่านการทบทวนก่อนมักเป็นจุดทำให้คนเข้าใจผิดและอาจจะทะเลาะกันได้
เรื่องราวยังได้สืบเนื่องต่อมาถึงสังคมและวัฒนธรรมของคนที่สวีเดนด้วยครับ แม้ว่าสังคมที่นี่จะสงบไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่เบื้องลึกผมก็รู้สึกได้ว่า มันเป็นโลกที่เงียบเหงาแล้วยิ่งในช่วงเวลาหน้าหนาว แสงแดดลงมาสู่พื้นดินน้อย ยิ่งทำให้รู้สึกหดหู่ได้ง่ายกว่าเดิม การออกสังคมแบบที่โล่งแจ้งก็จะเป็นไปได้ยากเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ผู้คนจะต้องพยายามจัดปาร์ตี้เพื่อให้มาพบปะสังสรรค์กัน และด้วยที่การพบปะสังสรรค์โดยการพูดคุยเฉยๆ ก็จะดูเหมือนว่าแค่มาคุยคงไม่พอเพียง ดังนั้นก็ต้องมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันเพื่อจะได้มีอะไรให้ทำมากกว่าการมาเจอหน้าและคุย จากบันทึกการท่องเที่ยวในหลายๆ ทริปที่ผ่านมา ผมจำได้ว่าผู้คนที่พร้อมจะปาร์ตี้แบบหน้าแดงนั้นก็มีกันตั้งแต่รุ่นเด็กยันรุ่นเดอะกันเลย หากเทียบกับบ้านเราแล้วสีสันของเมืองไทยจะมีมากกว่าเยอะเลยครับ เราสามารถเลือกความหลากหลายจากบ้านเมืองเราได้ไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็นเพียงแค่นึกถึงการไปเที่ยวตลาดน้า มีกันกี่แห่งละครับ.....ไม่ว่าจะเป็นที่ดำเนินสะดวก อัมพวา ตลิ่งชัน อโยธยา บางน้ำผึ้ง คลองสระบัว กลางดง ลำพญา บางคล้า สามชุก บางเลน ฯลฯ นี่ขนาดตลาดน้ำระแวกกรุงเทพอย่างเดียวนะครับ ยังไม่ลงลึกไปถึงสิ้นค้าที่ต่างกันในแต่ละตลาด
BKK, Thailand
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ปอนด์
พฤษภาคม 2554
** อ่าน The feeling 3 (ตอนจบ) - คลิกที่นี่
|