เรื่องเล่าจากนุ่น ตอนที่ 2 - เส้นทางสู่การทำงานในสวีเดน
ต่อจากตอนที่แล้วที่เรียนจบ Introduktionsutbildning ที่ Malmö högskola ได้ Svenska B มาครอบครอง เราก็สมัครเรียนต่อ Aspirantutbildning ที่ Malmö högskola ที่เดิมต่อเลย
ที่มาที่ทำให้สมัครเรียนคอร์สนี้ เพราะมีอาจารย์แนะแนว (อีกแล้ว) มาแนะแนวทาง ตอนนั้นมีไม่กี่คนที่เข้าฟัง เพราะหลายๆ คนเค้าก็ไปเรียนต่อปริญญาตรี เพราะเค้ายังเด็กกันอยู่ เราเองตอนนั้นยังไม่แน่ใจ ที่จริงแล้วคิดว่าจะหางานทำด้วย แต่พอฟังเค้าบรรยายเกี่ยวกับ Aspirantutbildning ก็สนใจ อยากเรียน คุณสมบัติเราก็พร้อม เพราะมี SvB, Eng A, Samhälle A แล้วก็เรียนจบปริญญาตรีมาจากประเทศบ้านเกิดไทยแลนด์แดนสวรรค์ของเรา แล้วเราก็เลือกเรียน Förvaltningsinriktning เพราะอยากทำงานข้าราชการดู (พ่อเราเป็นข้าราชการอะ)
แล้วก็รู้ผลว่าเค้ารับเข้าเรียน ก็ไปเริ่มเรียนเดือนกันยายน ครึ่งแทอมแรกเรียน เขียน CV ทำงาน workshop เพื่อหาเส้นทางการติดต่อเพื่อจะเข้าสู่ตลาดทำงานของสวีเดน ครึ่งเทอมหลังก็เริ่มเข้าสู่สายวิชาที่เราเลือกคือ สาย förvaltning มีเรียนเขียนแบบภาษาราชการของที่นี่ ว่าต้องเขียน beslut ยังไง ทำไมเขียนแบบนี้ คำไหนใช้ได้หรือไม่ได้ สนุกดี ชอบ ได้ออกไปพูดหน้าชั้นบ่อยดี ช่วยให้พูดได้ดัขึ้นเยอะด้วยไปในตัว (เพราะมันจำเป็น)
เทอมสองก็เรียนครึ่งเทอมแรก วิชา Förvaltningsrätt ยากดี ชอบ ต้องเรียนรวมกับเด็กสวีดิชด้วย เรียนเกี่ยวกับกฎหมายพิ้นฐานต่างๆ ที่ใช้ในสายงานราชการ ที่ยากที่สุดที่เรียนมาก็วิชานี้แหละ แถมหน่วยกิตเยอะด้วย ต้องเลือกตัวกฎหมายมาหนึ่งตัว แล้วให้เลือกแต่ตัวที่ออกมาใหม่ๆ ด้วย แล้วต้องเขียนเป็น PM (Promemoria) ออกมา แล้วก็ออกไปรายงานหน้าชั้นด้วย รายงานเสร็จ อาจารย์ก็เรียงไปทีละคน แล้วก็ให้คำวิจารณ์ ถ้าต้องแก้จะแก้ตรงไหน พอถึงตาเรา ก็เข้าไปแบบหงอยๆ เพราะตอนที่ทำนี่คาบเส้นมาก เพราะไม่สบายก็ทำไม่ไหว จนสามวันก่อนส่งถึงจะอ่านแล้วก็พิมพ์ แต่ผลออกมาดีเกินคาด อาจารย์ชมว่าทำได้ดีมาก PM ต้องเป็นแบบนี้เลยแบบที่เธอทำ แล้วก็บอกว่าเราได้ VG (สงสัยไฟรนก้น จะเป็นแรงกระตุ้นที่ดี ฮี่ๆ) ดีใจกลับบ้านไปแบบมึนๆ เพราะยังไม่หายไข้ แล้วหลังจากนั้นก็ต้องไปสอบจบวิชานี้ตอนกลางเดือน มี.ค. ยากมากมาย แต่ก็ผ่านมาด้วยดี ได้ G มาครอบครองอย่างพอใจ
พอเรียนจบวิชา förvaltningsrätt ก็เหลือครึ่งเทอมหลัง ซึ่งต้องฝึกงาน ... ลืมเล่าไปเลย ว่าช่วงที่เรียนเทอมแรก ตอนเดือนธันวาคม อาจายร์ที่ปรึกษาเรา ชื่อ Lasse (Lars) ก็เรียกเราไปพูดเรื่องฝึกงาน เค้าถามเราไปก่อนหน้านี้แล้วว่า เราชอบงานแบบไหน เนื่องจากเราเคยทำงานออฟฟิศมาก่อน เป็นงานด้าน administratör เราก็เลยอยากทำงานที่ใกล้ๆ คล้ายๆ กัน เค้าก็มีที่นึงที่อยากให้เราไปสัมภาษณ์เข้าฝึกงาน คือ Försäkringskassan ในส่วนของแผนก försäkringstillhörighet ที่มีใน Malmö (แต่เอกสารนี่มาจากทั้งในประเทศและนอกประเทศสวีเดนด้วย) เออ น่าสนใจ ก็เตรียมตัวฝึกซ้อม แบบที่อาจารย์เคยจำลองการสัมภาษณ์งานในห้องเรียนมาก่อน ก็ผ่านไปด้วยดี เราได้เข้าฝึกงานที่นั่นสิบอาทิตย์ เค้าให้เราไปเริ่มฝึกงานปลายเดือนมีนาคม (วันที่ 29 จำได้แม่น)
ไปฝึกงานที่นั่นวันแรก ก็ผ่านไปด้วยดี ความที่เราเป็นคนไทยด้วยมั่ง เค้าชอบคนไทยกัน เพราะเป็นกลุ่มคนที่ไม่ทำตัวเป็นปัญหาสังคมของที่นี่เหมือนชาติอื่น เราก็ยิ้มสยามอยู่แล้ว ไปไหนก็ยิ้ม เรื่องภาษาก็ไม่เป็นปัญหาใดๆ เราชอบงานแบบนี้อยู่แล้ว เพราะคล้ายๆ งานเก่าเรา ถึงจะยากกว่า เพราะเป็นงานราชการ คำยากๆ เยอะ ก็ไม่หวั่น เพราะเราอยากเรียนอยากรู้อยู่แล้ว ตอนนั้นไม่ได้กะจะได้ทำงานต่อ มีหวังอยู่บ้าง แต่ไม่มาก เพราะเราไม่ได้จบป.ตรีด้านนี้มาโดยตรง แต่ก็ตั้งใจทำงานทุกวันตอนที่ฝึกงาน เค้าก็ยังไม่ให้ดูแลเคสโดยตรงนะ แต่มีบ้างตอนสองอาทิตย์สุดท้าย
ตอนที่เหลือสองอาทิตย์จะฝึกงานจบ เราก็เขียนเมลล์ไปปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษาเรา (ปรึกษากับคนที่บ้านก่อนนะจริงๆ แล้ว คนนั้นเป็นกำลังใจคนสำคัญอยู่แล้ว ต้องบอกก่อนใคร) ว่าเราจะลองถามหัวหน้าเราดูว่า ถ้าเราสมัครเข้าทำงานที่นี่ จะมีโอกาสมั้ย (เค้าไม่ให้ของานโดยตรงนะ ต้องพูดแบบอ้อมๆ ให้รู้ว่าเราสนใจอยากทำนะ) เราก็โชคดีที่เค้าจะเปิดรับสมัครคนใหม่ทั้งหมด 6 คนพอดี หัวหน้าเค้าชอบเราอยู่แล้ว เค้าคิดว่าเราขยันแล้วก็หัวไว เรียนรู้ไว เค้าอยากให้เราทำงานต่อ แต่เราต้องส่ง CV กับจดหมายส่วนตัวไปสมัครงานเหมือนคนอื่น เพราะเค้าเป็นหน่วยงานราชการ ต้องทำตามขั้นตอน เราก็อัพเดท CV แล้วก็จดหมายให้ตรงกับงานที่เราสมัคร แล้วส่งไป แถมต้องสัมภาษณ์แบบคนอื่นๆ ด้วย แต่ได้สัมภาษณ์ก่อนคนอื่น เพราะทำ(ฝึก)งานที่นั่นอยู่แล้ว วันสุดท้ายที่ฝึกงานก็รู้ผลว่า เค้ารับเราเข้าทำงานต่อเลย ทำตำแหน่ง Utredare Försäkringstillhörighet สัญญาแบบ vikariat หกเดือน เริ่มงาน มิ.ย. ถึง สิ้นปี
เราก็ได้ทำงานต่อต่อเนื่อง แต่คราวนี้ได้เงินเดือนแล้ว ดีใจๆ (ก่อนหน้านี้ก็ทำงานพิเศษมาบ้างนะ เป็นล่ามให้ Noaks Ark ที่ Malmö กับทำงาน deltid ร้านอาหารไทยที่ Wok Kitchen ในห้าง Entré หลังเลิกเรียน)
"ได้เงินเดือนเต็มๆ กับงาน heltid ครั้งแรกหลังจากอยู่สวีเดนมาสองปีกว่าๆ ดีใจมาก เห็นเงินเดือนแล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง สองปีที่เรียนมา ที่ตั้งใจตั้งหน้าตั้งตาเรียน และอดทนไม่ท้อถอยเลิกเรียนไปซะก่อน มันได้ผลออกมาเป็นหน้าที่การที่ดี งานที่เราชอบ งานที่เราอยากทำ ถือว่าเราทำสำเร็จอย่างที่เราตั้งใจแล้ว"
ตอนนั้นคิดว่า ได้ทำ vikariat หกเดือนกับ Försäkringskassan นี่ ถือเป็นเส้นทางที่ทำให้เรามีโอกาสหางานอื่นทำต่อไปได้อีกในภายภาคหน้า ถ้าได้ทำต่อที่เดิมก็จะดีใจมาก แต่ถ้าไม่ได้ก็ถือเป็นประสบการณ์ทำงานที่ดีมากๆ เช่นกัน เราก็คิดว่า ไม่ว่าจะเป็นไงมันก็มีแต่แง่ดีทั้งนั้น ก็ตั้งใจทำงานเต็มที่ก็พอแล้ว
แล้วโอกาสที่ดีกว่าก็เข้ามาหาเราอีกครั้ง เมื่อหน่วยงานเราที่เมื่อก่อนขึ้นกับ NFC Visby (แต่ทำงานที่มาลเม่อ ฮ่าๆๆ) เปลี่ยนเป็นขึ้นกับ NFC Malmö ซึ่งทำงานในตึกเดียวกันนี่เอง (ซะที) บอสใหญ่ของที่นี่เค้าก็ปรับหน่วยงานขนานใหญ่ แล้วก็ให้รับคนเพิ่ม และให้ปรับทุกคนที่เป็น vikarier ให้ได้ fast anställning ทุกคน แต่กว่าจะได้ก็ต้องทำตามขั้นตอนนะ อย่างที่บอก ว่าหน่วยงานราชการ ข้ามขั้นไม่ได้ ต้องเขียนและส่งเอกสารสมัครไปเหมือนครั้งก่อนด้วย (คราวนี้รับแต่คนในที่ทำงานหรือเคยทำที่ Försäkringskassan แล้ว)
เราก็สมัครไป สองอาทิตย์ผ่านไป ตอนต้นเดือนพฤศจิกายน หัวหน้าเค้าก็เรียกไปคุย และบอกว่า เราได้เลือกให้เป็นหนึ่งในคนที่ได้ fast anställning ดีใจสุดๆๆๆๆๆ เค้าพูดอะไรต่อมา ชมอะไรมา เราก็ยิ้มอย่างเดียวแล้ว เพราะพูดไม่ออก มันตึ้นตันใจ ที่รู้ว่ามีงานการมั่นคงแล้วนะ ไม่ต้องคิดหนทางหางานใหม่หรือรอผลว่าเค้าจะต่อสัญญาใหม่ตอนสิ้นปีอีกแล้ว พอรู้ผล ก็โทรบอกแฟน แล้วพอเลิกงานก็เขียนบอกพี่สาวในเฟซบุ๊ค แล้ววันเสาร์ของอาทิตย์นั้นก็โทรไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง ภูมิใจที่ทำให้พ่อแม่สบายใจและรู้ว่าเรามีหน้าที่การงานเงินเดือนดีและมั่นคง ไม่ต้องเป็นกังวลว่าลูกสาวคนนี้จะอยู่ดีมีสุขเหมือนต่อนอยู่กับพ่อแม่มั้ย แล้วพ่อก็ภูมิใจมากที่เราได้ทำงานราชการแบบพ่อด้วย
จากประสบการณ์ทั้งด้านการเรียนและทำงาน ที่อาจจะไม่ได้เล่าเรื่องเนื้องานที่ทำมากนัก ก็ทำงานเหมือน utredare หรือ handläggare แบบที่หลายๆ คนคงรู้กัน งานเอกสาร ช่วยเหลือประชาชนทั่วๆ ไป ต้องเขียน ställningstagande และ beslut ...
ยังไงก็หวังว่าจะจุดประกาย และช่วยผลักดันให้คนอื่นๆ มีกำลังใจในการเรียนและหางานทำได้บ้างไม่มากก็น้อยนะ เวลาคนอื่นหรือเพื่อนๆ ที่ทำงานมาถามเรา ว่าเราทำยังไงถึงมาได้ไกลแบบทุกวันนี้ในเวลาสั้นๆ เราก็บอกไปว่า...
"คติประจำใจเราก็คือ "Vill man, så kan man" เพราะเราคิดว่า คนเราเมื่ออยากและตั้งใจที่จะทำอะไรอย่างจริงจัง ไม่เหยาะแหยะ หรือล้มเลิกไปกลางทาง เราก็จะได้ในสิ่งที่หวังนั้นมาในที่สุด"
ขอให้ทุกคนโชคดี และสมหวังนะคะ
Noon@Malmö
เขียนเล่าเรื่องไว้เมื่อ มกราคม 2554
|