กว่าจะได้ VG จาก SFI-kurs มาเชยชม ตอน 2
เดือนมกราคมเปิดภาคเรียนมาใหม่ก็เริ่มเรียนชั้น C แถมภาคเรียนนี้ทางโรงเรียนส่งไปฝึกภาษาที่โรงเรียนประถมเป็นเวลาหนึ่งเดือน เริ่มเรียนชั้นนี้อาจารย์จะให้อ่านข่าวและตอบคำถามเพื่อเป็นการเก็บเกี่ยวคำศัพท์
ข่าวที่อ่านจะเป็นข่าวรายสัปดาห์ ซึ่งจะมีหัวข้อข่าวหลัก ๆ ประมาณ 4-5 ข่าว ใช้เวลาในการอ่านทำความเข้าใจและทำการบ้านแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่าสี่ชั่วโมงทั้งที่มีกระดาษอยู่แค่สี่หน้า วิธีการเปิดพจนานุกรมที่ไม่เหมือชาวบ้านทำให้เสียเวลาพอสมควรแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ได้ความหมายที่ถูกต้องของคำศัพท์นั้น ๆ (บุ๊คกี้จะเปิดพจนานุกรม สวีดิช-ไทย และ สวีดิช-อังกฤษคู่กัน บางครั้งเปิดถึงสามเล่มถึงจะเข้าใจความหมายของคำลึกซึ้ง หลัง ๆ ไม่ไหวเริ่มนั่งเปิดหน้าคอมเพราะเร็วกว่า)
ไปฝึกภาษาที่โรงเรียนประถมนั้นทางคอมวุกซ์ที่เรียนมีโครงการส่งนักเรียนเอสเอฟอีไปฝึกงาน เหมือนกับการฝึกงานก่อนจบมหาลัยบ้านเรานั่นหละ แต่นี่คือส่งไปเพื่อฝึกภาษา ตอนที่ไปฝึกก็เหมือนกับไปช่วยครูมากกว่า คอยดูว่าเด็กเขียนถูกไหม ทำแบบฝึกหัดได้หรือเปล่า แล้วก็ช่วยอธิบายเด็กถ้าทำได้ แต่ตอนนั้นจริง ๆ ภาษายังไม่คล่องก็เลยยังเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเขาสักเท่าไหร่
ตอนเด็กพักก็ออกไปเดินรอบ ๆ สนามเด็กเล่น คอยเป็นหูเป็นตา เกิดเด็กทะเลาะกันหรือต้องการความช่วยเหลือ แต่ก็มีครูประจำดูอยู่เป็นปกติ เด็ก ๆ ก็ไม่อยากพูดกับเราเท่าไหร่เพราะกว่าเราจะพูดจบเด็กก็คงรำคาญอยากวิ่งไปเล่นที่อื่นแล้ว พวกครูก็ไม่ต้องพูดถึง ไม่ค่อยอยากจะเฟรนด์ลี่กับกระเหรี่ยงเหมือนปกติ สรุปเป็นการไปฝึกภาษาที่เราเกือบจะไม่ได้อะไรเลยจริง ๆ
ด้วยความที่ไปฝึกภาษาที่โรงเรียนประถมจึงได้เข้าคอมวุกซ์สัปดาห์ละหนึ่งครั้งเท่านั้นเพื่อไปเอาเอกสารและแบบฝึกหัดมาทำ บางครั้งได้เอกสารมาเยอะมาก ก็นั่งท้อถอดถอนใจเพราะไม่ได้เรียนในห้องเหมือนเพื่อน ๆ ทำให้เกิดแรงกดดันเยอะ เพราะมีแกรมม่าบางอย่างที่ไม่เข้าใจ ไม่ค่อยได้เจอกับอาจารย์ แถมสามีอธิบายไม่ได้ ตามประสาคนสวีดิชที่ไม่ได้เน้นเรียนหลักไวยากรณ์เหมือนคนต่างชาติ บางแบบฝึกหัดก็ต้องอธิบายคำศัพท์ภาษาสวีดิชด้วยภาษาสวีดิช ซึ่งคนสวีดิชเองยังอธิบายไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ทำให้เราน้ำตาตกมาหลายครั้งเลยทีเดียว กดดันสุด ๆ ก็คนสวีดิชยังอธิบายไม่ได้จะมาเอาอะไรกับหัวดำอย่างฉันหละ
พอถึงปลายเดือนมีนาคมก็สอบเพื่อเลื่อนชั้น ไม่ได้คิดว่าจะได้เลื่อนเพราะไม่ได้เข้าเรียนเหมือนเพื่อน ๆ แต่ก็ผ่านมาอีกและได้ VG เหมือนคอร์ส B ตอนอาจารย์บอกว่าได้เลื่อนชั้นยังขอว่าเรียนต่อ C อีกเทอมได้ไหมเพราะคิดว่าตัวเองขึ้นไปเรียน D แล้วไม่น่าจะรอด แต่อาจารย์ก็ไม่ให้ เพราะเหตุผลคือเขาเชื่อว่าเราทำได้แน่นอน
ปิดเรียนหนึ่งอาทิตย์เปิดมาใหม่เดือนเมษายนก็เริ่มเรียนชั้น D คอร์สนี้อาจารย์เน้นเรื่องผันคำกริยาและเขียนเรียงความ สอบผันคำกริยาทุกอาทิตย์ ครั้งละประมาณ 25 ถึง 30 คำกริยา ผันทั้งหมด 5 รูป ตั้งแต่ infinitiv ไปยัน perfekt paticip ก็ท่องกันไปเป็นนกแก้วนกขุนทองเลยทีเดียว เรียนคอร์ส D ไม่ค่อยหนักใจเท่าไหร่เพราะเข้าเรียนเต็มที่ ภาษาเริ่มมาบ้าง ไม่งงจนขนาดถึงไม่เข้าใจที่อาจารย์พูดเลย แต่ก็ไม่ได้เข้าใจเหมือนเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่มาสิบเอ็ดสิบสองปี
จะมีเครียดบ้างก็ตรงที่ต้องจับกลุ่มสนทนาอยู่บ่อย ๆ เพราะฟังภาษาสวีดิชสำเนียงอินเตอร์เนชั่นแนลจากทุกมุมโลก ไม่ได้ศัพท์เลยจับมากระบวนความในหัวสมองไม่ได้ ก็โต้ตอบกับเขาไม่ได้ไปตามระเบียบ ขอพาดพิงนิดนึงว่าสามีที่รักกับบุ๊คกี้ไม่ได้พูดกันเป็นภาษาสวีดิชที่บ้านเลย ทำให้การพูดของบุ๊คกี้พัฒนาได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น (นิสัยไม่ดีห้ามลอกเลียนแบบนะคะ)
เรียนไปได้อีกแป๊ปเดียวก็ต้องสอบเพื่อจะจบคอร์สภาษาสวีดิชเบื้องต้นสำหรับชาวต่างชาติ (SFI) ตอนนั้นทั้งกลัว เครียด และ กังวล แต่ก็สอบอ่านและเขียนได้คะแนนอยู่ในระดับสูง และแล้วอัศวินก็มาตกม้าตายตอนสอบพูด เพราะเจอจับคู่สอบกับเพื่อนจากอิรักที่พูดได้คล่องมาก ๆ และที่สำคัญเขาพูดน้ำไหลไฟดับ บุ๊คกี้โดนแย่งพูดตอนสอบจนอาจารย์ต้องบอกว่าให้บุ๊คกี้พูดเยอะกว่านี้ และนั่นเองเป็นตัวแปรที่ทำผลการเรียนชั้น D ออกมาแค่ G ค่ะ
บุ๊กกี้
มีนาคม 2554
|