คุณแม่มือใหม่ กับ เจ้าลิง มิลลี่ มั้งกี้
เจ้าตัวป่วน "มิลลี่" ของแม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2009 เวลา 01.40 น. ที่โรงพยาบาลเซอเดอร์เทลเย่ สวีเดน ตอนนี้มิลลี่ก็อายุจะ ครบ 14 เดือนแล้ว แต่แม่รู้สึกเหมือนเพิ่งคลอดหนูเมื่อไม่นานมานี่เอง เวลามันผ่านไปเร็วจริงๆ ตั้งแต่ที่แม่พบกับลูกครั้งแรก ลูกเกิดมามองแม่ตาแป๋วไม่ร้องซักแอะ จนวันนี้ลูกเดินได้แล้ว แม่ปลื้มเป็นที่สุด เพราะแม่คิดว่า มิลลี่จะช้ากว่าคนอื่นๆ เค้า เพราะแม่ไม่ค่อยได้จับมิลลี่ให้อยู่ที่พื้น มิลลี่เลยไม่ได้หัดคลานจน ปาเข้าไปเดือนที่ 11 แล้วภายในเวลา 3 เดือน จากคลาน ยืน เกาะ แล้วมิลลี่ก็ เดิน ปีนบันได และ ทำอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ เล่นเอาแม่หัวใจจะวายไปหลายๆ ครั้ง แต่แม่ก็รู้สึกได้ว่า มิลลี่ช่างเป็นเด็กที่ ร่าเริง อดทน และกล้า จริงๆ ถึงบางครั้งจะบ้าบิ่นไปบ้างก็ตาม
การเลี้ยง หนู สำหรับแม่แล้ว จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ตั้งแต่วันแรกเกิดจนมาถึงวันนี้ การเลี้ยงหนูเหมือนโจทย์ ปัญหา ที่มีมาให้แม่แก้ไขอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่แรกเกิด แม่อยากให้หนูกินนมแม่ เพราะอยากให้หนูแข็งแรง อย่างที่เค้าว่ากัน ใครๆ ที่นี่ก็บอกว่า "ต้องนมแม่นะถึงจะดี" ส่งเสริมกันขนาดว่า 3 วันที่อยู่ โรงพยาบาลนั่นก็เทรนให้นมกันทุกวันเลยทีเดียว มีพยาบาลมาค่อยดูทุ๊กวัน แต่มิลลี่ก็ไม่เคยจะดูดถูกวิธีซักที (วิธีที่ถูกต้องคือ ต้องให้เด็กอ้าปากกว้างๆ ครอบฐานนมให้มากที่สุด ไม่ให้ดูดแต่ที่หัว) แต่ไม่ว่าแม่จะทำยังไงหนูก็ทำแม่เจ็บ นำตาเล็ดแทบทุกครั้ง บางครั้งถึงกับเลือดตกยางออก จนแม่เกือบจะยอมแพ้แล้ว แม่ก็พยายามถามเพื่อน ถามญาติ หาวิธีในอินเตอร์เน็ต ทำทุกอย่างเพื่อจะให้นมลูกได้ถูกต้อง ดันทุรังให้ไปจนในที่สุดมันก็ชินชา แล้วแม่ก็ให้นมหนูได้ตลอดมา แม่ดีใจมาก
แต่มาตอนนี้ปัญหาใหม่มันก็อยู่ที่ว่า จะให้หนูเลิกนมแม่ยังไง เพราะแม่ให้หนูทานนมแม่อย่างเดียว แถมหนูก็ติดนมแม่หนึบหนับ ถ้าย้อนเวลาไปได้ หรือ รู้ว่าจะทำยังไง แม่จะให้หนูทานนมแม่ สลับกับ นมขวด หนูจะได้ทานได้ทั้ง 2 อย่าง แต่ตอนนี้ก็คงต้องหาทางให้หนูเลิกนมแม่กันต่อไป แต่แม่ก็ดีที่ตัดสินใจให้หนูได้กินนมแม่ ไม่ยอมแพ้ไปซะก่อน เพราะหนูเป็นเด็กค่อนข้างแข็งแรง ไม่ป่วยง่ายๆ แม้แต่ไปฉัดวัคซีน หนูก็ไม่เคยเป็นไข้เลยซักครั้ง อันนี้ขอยกความดีให้นมแม่จริงๆ
ถึงมิลลี่จะเป็นเด็กแข็งแรง แต่มีครั้งนึงที่หนูติดหวัดจาก ซอร่า (พี่สาว) ตอนหนู 4 เดือน ตอนนั้นแม่แทบไม่ได้นอน เฝ้าหนูทั้งคืนเพราะกลัวหนูหายใจไม่ออก มิลลี่ มีน้ำมูกตลอด นอนหลับๆ ตื่นๆ แม่ต้องตื่นมาดูดน้ำมูกให้หนู แล้วก็หยอดจมูก แล้วหนูก็ร้องไห้แทบทั้งคืน จนหลังจากนั้นถ้ามีใครเป็นหวัดแม่จะไม่ยอมให้มาเล่นกับหนูเด็ดขาด ใครกลับมาบ้านก็ต้องล้างมือก่อนมาจับหนู ตัวแม่เองก็ล้างมือวันละร้อยหนได้ เพราะกลัวหนูป่วยอีก โชคดีที่มิลลี่ ก็ไม่ได้เป็นหวัดอีก
หลังจากนั้นปัญหาใหม่ก็ตามมา เมื่อแม่พบว่า หนูเป็นท่อน้ำตาอุดตัน ตอนแรกแม่ก็เห็นหนู มีขี้ตา ก็นึกว่าเป็นตาแฉะ หรือ ตาอักเสบ ก็พยายามเช็ดด้วยน้ำอุ่น แต่มิลลี่มีอาการน้ำตาเอ่ออยู่ตลอดเวลา และเป็นข้างซ้ายข้างเดียว แม่ก็ลองเซอร์ชหาในเน็ต (หนูโตมาได้เพราะ อากู๋ กูเกิ้ล จริงๆ มิลลี่ เอ๋ย) เค้าบอกว่าให้ นวดวนที่ หัวตาด้วยนิ้วโป้งแล้วนิ้วชี้ บริเวณเหนือท่อน้ำตา แต่ก่อนหน้านั้นเราก็ไปหาหมอ ที่ศูนย์อนามัยเด็ก Barnvårdcentralen (BVC) เค้าก็ให้ยาป้ายมา เราก็ป้ายแต่ไม่เห็นหายซักที แม่ก็เลยลองนวดดู แต่มันก็ไม่ง่ายเลยเพราะจะนวดได้ก็เฉพาะตอนมิลลี่หลับ นวดอยู่นาน จนดีขึ้นนิดหน่อย แต่ที่ทำให้มิลลี่หาย ก็คือ ตอนไปฉีดวัคซีน ที่หนูร้องไห้จนหน้าแดงมันก็เลยทำให้ท่อที่อุดตันมันหายอุดตันไปซะอย่างงั้น ช่างบังเอิญซะจริงๆ
แล้วก็มาถึงปัญหาล่าสุดของมมิลลี่ ก็คือ การถ่าย แม่ล่ะกลุ้มใจ๊ กลุ้มใจ เพราะเมื่อก่อนตอนมิลลี่ทานนมแม่อย่างเดียวหนูไม่มีปัญหาเลย จนมาตอนอายุ 6 เดือน ที่มิลลี่เริ่มกินอาหารเสริมอื่นๆ แม่ยอมรับว่าแม่เป็นแม่ที่ใช้ไม่ค่อยได้ที่ไม่ค่อยมีเวลาได้ทำอาหารให้มิลลี่ได้ทานบ่อยๆ แต่แม่ก็ใช้อาหารสำเร็จรูปแบบขวดให้มิลลี่ ทานเพราะมันรวดเร็วและประหยัดเวลา มันอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มิลลี่ถ่ายยาก เพราะอาหารพวกนี้มีผักน้อย หรือ มีก็พวกเครอท แล้วก็ข้าวโพดที่ยิ่งทำให้ถ่ายยาก เพราะปัญหานี้ แม่ก็พยายามทำทุกอย่างให้มิลลี่ถ่ายได้ ใส่ผักเพิ่มในอาหาร ให้ทานลูกพรุนบด ลูกแพร์บด น้ำส้ม (Katrinplommonpuré, päronpuré) ให้ทานน้ำเยอะๆ อะไรที่เค้าบอกว่าทำให้ถ่ายได้แม่ก็ทำทุกอย่าง ตอนนี้มิลลี่ก็ถ่ายดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่หนูก็ยังกลัวๆ การถ่ายอยู่ แต่แม่ก็คงจะต้องพยายามต่อไป
อีกไม่กี่เดือนมิลลี่ก็จะได้ไปโรงเรียนอนุบาล (dagis) แล้ว ตอนนั้นหนูก็จะอายุครบ 17 เดือน ใจจริงแม่อยากเลี้ยงหนูอยู่กับบ้านจน 2 ขวบ แต่เพราะว่า เรื่องเวลา และ เรื่องมันนี่ เงินเบี้ยเลี้ยง Föräldarpenning ให้ในช่วงที่เลี้ยงหนู เวลามันเกือบจะหมดแล้ว รวมๆ แล้วก็ได้มาประมาณปีครึ่ง และมันก็ถึงเวลาที่แม่จะต้องทำอะไรซักอย่างกับชีวิตตัวเองซะที ไม่ว่าจะเรียนต่อ หรือ ทำงาน เพราะแม่จะหยุดอยู่บ้านเลี้ยงลูกอย่างนี้ไปตลอดก็ไม่ได้ ทั้งที่ถ้าทำได้แม่ก็อยากจะเลี้ยงลูกเองมากกว่า แต่แม่ก็อยากเห็น มิลลี่ได้เจอได้เล่นกับเพื่อนๆ น่าเสียดายที่มิลลี่ไม่ได้มีโอกาสไปเข้ากลุ่มกับเด็กๆ ที่พ่อแม่พาไปพบปะกันที่ BVC เพราะทุกครั้งที่แม่เห็นมิลลี่เจอเด็กๆ คนอื่นหนูจะสนใจและก็อยากรู้อยากเห็นเอามากๆ ทุกๆ ครั้งที่เราเดินผ่านดอกิส หนูจะดีใจมากๆ ที่เห็นเด็กๆ เล่นกัน บางครั้งแม่ยังจิตนาการไปถึงเวลาที่แม่ไปรับมิลลี่จากดอกิส เวลาที่มิลลี่เล่นอยู่กับเพื่อนๆ แม่คิดว่าหนูคงจะมีความสุขและ สนุกสนานน่าดูเลย
ถึงแม่ว่าถ้าจะเทียบกับแม่คนอื่นๆ แม่อาจจะไม่ได้เป็นแม่ที่ทำอะไรได้เก่งเหมือนกันคนอื่นๆ ยังมีปัญหาอีกมากมายที่แม่ยังคิดไม่ตกเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก แต่แม่ก็คิดว่าแม่ได้ทำดีที่สุดแล้ว ในการเลี้ยงมิลลี่ ยังมีอะไรอีกมากที่แม่จะต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันกับลูก แม่ดีใจและมีความสุขที่เราจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไปด้วยกันนะจ๊ะ
แม่ปอนด์ ของหนู
ตุลาคม 2553
|