: Diary :
+ 2012 + 2555 +
สัมภาษณ์งานจริงๆ จังๆ ครั้งแรก (ตอนจบ) / 20 มิถุนายน 2555
เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน เทคนิคจากอารเบียตฯ
- วางแผนการเดินทางแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ไปถึงที่หมายได้ตามเวลานัด
- หาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและตำแหน่งงาน รวมทั้งเตรียมคำถาม/ข้อสงสัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย
- สวมเสื้อคลุม และก็ปิดโทรศัพท์มือถือ
- ใส่เสื้อผ้าที่สะอาดและไม่เก่าชำรุด ควรใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับบริษัทนั้นๆ (บางที่ที่อ่านมาแนะนำให้ไปแอบสำรวจพนักงานว่าเค้าใส่ชุดไรกันก่อนไปสัมภาษณ์งาน จะได้ไม่แต่งตัวเว่อร์เกิน หรือ แต่งน้อยเกิน เช่น ไปสังเกตุตอนเค้าเลิกงานที่ลานจอดรถ)
- ควรคำนึงถึงภาษากาย หลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง เป็นต้น
คำถามสัมภาษณ์งานที่ได้มาจากอารเบียตฯ ก็มีดังนี้ค่ะ
- เล่าเกี่ยวกับตัวเอง
- ทำไมถึงสมัครงานนี้?
- เล่าถึงข้อดีและข้อด้อยที่ต้องการปรับปรุงของตนเอง
- จัดการกับแรงกดดันในที่ทำงานยังไง?
- samarbete หมายถึงอะไรสำหรับคุณ?
- วางแผนจะทำอะไรไว้ภายในระยะ 5 ปีนี้?
ก็ดีค่ะ เพราะบางข้อเราก็ไม่เคยถามตัวเองมาก่อน ก็จะได้นั่งคิดพิจารณาทบทวนตัวเองให้นานหน่อย และได้คำตอบที่แท้จริงของเราเอง ซานต้าก็ขำคิกๆ เวลาเราตอบ แล้วก็ถามว่า ไปเอาคำตอบพวกนี้มาจากไหน เราก็บอกว่า อ้าว ก็เห็นอยู่ว่านั่งสบตากันอยู่นี่ ออกมาจากใจเลย แกก็แซวใหญ่ ฟังดูดีมากๆ นะ แหม่ ๆ … ขี้โม้ค่ะ ฮาาา... ป่าวหรอก ก็จากตัวเราเองนี่ล่ะ นำเสนออย่างที่เราเป็น ถ้าความเป็นเราเหมาะกับงานเค้าเราก็ดีใจ เราก็โชคดีไป
เรื่องการแต่งกาย เค้าก็แนะนำว่า ให้สะอาด ดูดี อย่าใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ขาดวิ่น มีรู บางข้อแนะนำอ่านแล้วก็ฮากลิ้ง …
ได้เอกสารมาเยอะมากค่ะ อ่านไม่หมดหรอก อันไหนดีก็ใช้ … และก็เหมือนปกติทั่วไป หาอ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน อ่านเกี่ยวกับบริษัท เตรียมตัวพักผ่อนให้เพียงพอ วางแผนการเดินทางให้ถึงก่อนเวลาสักเล็กน้อย จะได้นั่งพักให้สบายๆ ก่อนเริ่มสัมภาษณ์ ไปถึงก็ควรยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทาย แนะนำตัว จับมือกับเค้า สบตาเวลาสนทนา … นังยุ้ยแน่นปึ๊กค่ะ ทั้งทฤษฎีส่วนตัวและก็จากการอ่านตรงนั้นตรงนี้มา ก็ดูกันต่อไปว่า ถึงเวลาจริง เจอความตื่นเต้นเข้าไปจะเป็นไง
ตื่นแต่เช้าตรู่ อากาศดี แล้วก็เริ่มตามแผนที่วางไว้ … ไปถึงก่อนเวลา 1 ชม. ค่ะ ก็ไม่ได้เดินไปที่บริษัทนั่งรออยู่ที่สถานีรถไฟ จะหลับซะให้ได้ หาวแล้วหาวอีก ตื่นแต่เช้า นั่งรถเมล์ราวๆ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง หลับๆ ตื่นๆ มาบนรถเมล์ … วิวข้างทางสวยมากค่ะ นั่งชมวิวไปในตัวด้วย … อยากหาอะไรดื่ม แต่ไม่เห็นมีร้านค้าเลย มีแต่ตู้ให้หยอด แต่ไม่มีเหรียญ ดีนะที่เตรียมน้ำเปล่าติดกระเป๋าไปด้วย … พอเหลือเวลาอีกครึ่งชม. จะถึงเวลานัดก็เริ่มเดินไปบริษัท กางแผนที่เดินไปเลย ไปๆ มาๆ ก็งงอีก … เลยถามคนแถวนั้น แล้วก็เดินไป เห็นป้ายบริษัทอยู่แค่เอื้อมแต่ไปไม่ได้ ไม่มีทาง ต้องเดินอ้อม
ไปถึงก็เข้าผิดทางอีก ไปเข้าด้านหลัง งงเลย โทรไปหาเจ้าหน้าที่ อธิบายๆ ว่าเราเห็นอันนั้นอันนี้ เค้าก็งงๆ ไปๆ มาๆ ก็เข้าใจกัน เค้าก็บอกให้เดินอ้อมมาอีกด้าน แล้วก็เข้าไปในออฟฟิศ ก็จับมือทักทาย และก็บอกว่าเราชื่อไร เค้าก็บอกว่า อ่อ ชื่อออกเสียงงี้เอง … เราก็นั่นว่าแล้วเชียว คิดจะแนะนำตัวเองเพราะว่า เค้าจะได้รู้ว่าชื่อเราออกเสียงไงเฉยๆ น่ะ จะได้ออกเสียงกันถูกต้อง ไม่อยากให้เค้าเรียกนามสกุลเหมือนครูที่โรงเรียน ไม่รู้ว่าชื่อเราออกเสียงไง เค้าก็เรียกนามสกุลกันเพลินเลย
จากนั้นก็แรกบัตรเข้าไปตามระบบของเค้า เค้าบอกว่า มาเร็วนะ เราก็แหม่ แค่สิบนาทีเอง ก็กะว่าจะมานั่งรอ เค้าก็บอกไม่เป็นไรเข้าไปเลย พาไปนั่งในห้องสัมภาษณ์เลย แล้วเค้าถามว่า ดื่มชาหรือกาแฟดี ก็บอกว่า ขอน้ำละกัน ขอบคุณ … เค้าก็งงๆ แล้วก็ไปหาน้ำมาให้ แรกๆ ก็เกร็งค่ะ ไปๆ มาก็ จะเกร็งทำไม ตั้งสติ ทำตัวตามสบายๆ กันเองๆ
จากนั้นเค้าก็ไปตามมาอีกสองคน แง่ว กะว่าจะสบายๆ ซะหน่อย จะเกร็งอีกแล้ว ก็ปลอบตัวเองว่า สบายๆ ตามสไตล์เรานี่ล่ะ จากนั้นเค้าก็ถามว่า มาไง? ไกลป่าว? หายากป่าว? เราก็บอกว่า นั่งรถเมล์แล้วเดินมา หาไม่ยาก วิวสวย ชอบ อากาศก็ดี บลาบลาบลา… เอ้อ ได้โม้เรื่องแบบนี้ก่อนรู้สึกผ่อนคลายหน่อย
จากนั้นเค้าก็เริ่มคำถาม หัวหน้าแผนกบุคคลถามก่อนเลย และคนอื่นก็แทรกบ้าง ที่ซ้อมมาออกสอบหมดค่ะ สบายเลยเรา ตอบคล่องป๋อเลย และก็มีเพิ่มเติมว่า เราเป็นคนที่หงุดหงิดง่ายป่าว? ถ้าสมมุติว่า ถามเพื่อนหรือคนอื่นที่รู้จักเธอ เธอคิดว่าพวกเค้าคิดว่าเธอเป็นคนยังไง? มีแอบถามด้วยว่าเจอแฟนยังไง? พอเค้าถามว่าข้อด้อยของเธอคืออะไร? อีกคนที่นั่งอยู่ก็บอกว่า ไม่ควรถามแบบนั้นนะ ถามใหม่ว่า เธอมีอะไรที่คิดว่าต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นป่าว? แหม่ คิดมาแล้ว สบายเลย ฮาาา...
อ๊ะเล่าย้อนไปแต่แรกก่อนด้วยดีกว่า … เท่าที่จำได้ เค้าให้แนะนำตัวก่อน ก็พูดไป แต่จะไม่พูดอะไรที่มีอยู่แล้วในจดหมายสมัครงานค่ะ เพราะเค้าอ่านแล้ว เด๋วเค้าจะเบื่อ หุหุ เค้าก็ให้บอกด้วยว่า เป็นนิสัยยังไง แล้วก็ถามว่า ทำไมสมัครงานนี้ ก็บอกไปว่า ชอบในตัวงานที่เขียนบรรยายไว้ และเป็นเรื่องที่ชอบระหว่างเรียน ก็คิดว่าสามารถทำงานนี้ได้ รู้จักบริษัทเค้ามาก่อนป่าว ตอบไปตามตรงว่าไม่ อะไรที่ทำให้สมัครงานที่นี่ เราก็ตอบว่า เราดูเนื้องานก่อน แล้วก็อ่านเกี่ยวกับบริษัท ก็คิดว่าน่าสนใจ เริ่มทำงานได้เมื่อไหร่? ก็ตอบไปว่า แล้วแต่ว่าพวกเธอคิดว่าเหมาะสม ตอนนี้ว่าง อ่อ ที่เขียนไว้ว่าทำงานสอนภาษาไทย เป็นแค่งานเสริม เจ้านายทางนั้นบอกว่า ถ้าได้งานประจำแล้วก็บอกได้ เค้าจะหาคนอื่นแทน … ก็บอกเค้าไปค่ะ เค้าจะได้เข้าใจสถานะของเรา ณ ตอนนี้ให้มากที่สุด
เค้าถามเงินเดือนด้วย ดีนะที่อ่านและได้ยินจากคนอื่นเล่าให้ฟัง ก็อ้างตามแหล่งข้อมูลนี้ไปค่ะ เค้าก็ถามว่า อะไรที่ทำให้เข้ามั่นใจได้ว่าเราเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ ก็ตอบไปว่าความรู้ที่ได้เรียนมา และก็ความอยากรู้อยากเห็น เอาจริงเอาจัง ตั้งใจทำงานของเรานี่ล่ะ ยกตัวอย่างแทรกไปเป็นระยะๆ ด้วยในแต่ละคำถามน่ะค่ะ … คำถามเยอะนะคะ จำไม่ค่อยได้ บางทีเค้าแย่งกันถามพร้อมกัน เราก็อยากจะแยกร่างแย่งกันตอบคือกัน ฮาาา ก็มีสติไว้ จำไว้ว่าไร แล้วก็ย้อนตอบไปเรื่อยๆ มีไรหยอด มีไรแทรกก็ใส่ไปตามสถานการณ์ค่ะ
จากนั้นอีกคนก็เริ่มถาม เค้าเป็นหัวหน้าแผนกผลิต ก็ถามที่เกี่ยวข้องกับแผนกเค้า ว่าเราจัดการกับความเครียดยังไง เพราะว่าลักษณะงานนี้บางทีระบบเสีย เครื่องเสีย ก็มีคนวิ่งโวยวายมาให้เราช่วย บางทีก็เร่งรีบ … ในกดดัน สภาวะที่กดดัน เคร่งเครียดเนี่ยเธอจัดการกับมันยังไง… เราก็ตอบไปตามที่เราเคยเจอเคยทำว่า ก็พักหน่อย ออกไปสูดอากาศข้างนอก ดื่มน้ำเย็นๆ แล้วก็มาทำงานใหม่ … แต่บางทีภาวะเร่งเรีบ เคร่งเครียดเนี่ยก็ทำให้เราทำงานได้แอคทีฟกว่าเดิมนะ … บางทีเครียดๆ ก็นั่งนิ่งๆ ทำสมาธิ ดูลมหายใจสักพัก แล้วก็ทำงานต่อไป เราก็บอกว่า เคยทำงานในโรงงานยา ดูแลเครื่องมือ พอมันเสียก็ต้องรีบไปดู ต้องรีบแก้ไข เพราะว่าฝ่ายผลิตรอผลแลปอยู่ไรงี้... ตอบฉอดๆ เลยค่ะ ไอ้ที่ไม่ซ้อมก็ตอบใหญ่ เครื่องมันร้อนแล้วก็ พูดๆ ๆ ฮาาา...
จากนั้นอีกคนก็ถาม เค้าถามเกี่ยวกับงานโดยตรง เค้าถามว่า รู้จักอันนี้มั๊ย? เราบอกว่า ไม่เคยใช้โปรแกรมนี้ แต่อ่านมาในเนตว่ามันคือไร โดยพื้นฐานแล้วมันเหมือนกับที่เรียนมา ตอนเรียนเราใช้อีกโปรแกรมนึง เค้าก็ อ๋อ รู้จักอยู่ แต่ของเค้าเป็นระบบเก่ากว่า เค้าก็ถามละเอียดพอสมควร อันนี้ไม่ได้ซ้อมค่ะ และก็จำที่เรียนมาได้ไม่มาก เหอๆ ก็นึกๆ แล้วก็ค่อยๆ ตอบไป ตอบน้อยหน่อย บางทีก็งงๆ เพราะลืมไรงี้ แต่ก็คิดว่า ผ่านไปได้ด้วยดีอยู่นะ … ก็ได้ข้อคิดมาว่า ควรทบทวนนิดหน่อยว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานเราเคยเรียนอะไรมายังไงน่ะ … คำแนะนำจากอารเบียตฯ ก็บอกอยู่ว่า ควรศึษาเรื่องที่เกี่ยวข้องที่เค้าระบุในประกาศรับสมัครงานด้วย เราก็หาอ่านนะ ก็เลยได้รู้ว่าอะไรคืออะไร จะได้ไปคุยกับเค้าถูก แต่พลาดไปอีกจุดคือเทียบกับที่ได้เรียนมาน่ะ
จำได้เท่านี้แหละค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกคำถามที่เค้ายกขึ้นมาถามนี่ก็หาอ่านได้ในอินเตอร์เนตนั่นล่ะ... จากนั้นเค้าก็ให้เราถาม เราก็ถามเกี่ยวกับเรื่องเวลาทำงาน เพราะว่ารถเมล์เที่ยวแรกไปถึงโน่นก็เกือบๆ แปดโมงแล้ว … เค้าก็บอกว่า ไม่ได้ฟิกซ์เวลา แต่ว่า ไม่ควรสายเกินเก้าโมงไรสักอย่าง คนที่สัมภาษณ์คนนึงก็บอกว่า เค้าเริ่มเจ็ดโมงครึ่งเลิกห้าโมงเย็น ส่วนเวลาพักกลางวันก็แล้วแต่ว่าเราอยากพักตอนไหนน่ะ และก็ถามอีกนิดหน่อย … คำถามนี้มาจากไหน? ก็ได้มาจากที่อ่านใบประกาศแล้วมันเกิดสงสัยอยากได้คำตอบค่ะ ที่จริงตามเวบเกี่ยวกับสัมภาษณ์งานเค้าจะมีแนะนำว่า ให้ถามไรบ้าง? จะเอาไปใช้ก็ได้น่ะ แต่ก็ควรดูให้เหมาะสมกับงาน และก็ไม่ควรไปตามเค้ามาก ให้คงความคิดของเรา ความเป็นเราไว้ในลักษณะที่เหมาะสมและเห็นควรดีกว่าค่ะ
และแล้วก็จบการสัมภาษณ์เค้าก็บอกว่า จะแจ้งผลวันพรุ่งนี้ หรือวันจันทร์ รวดเร็วมากน่ะ แสดงว่าต้องการคนด่วน เราก็หยอดไปว่า ถ้ามีอะไรอยากถามเพิ่มเติมหรือไง ก็โทร หรือ เมล์ไปได้เสมอนะ เค้าก็บอกว่า เหมือนกันนะ... จากนั้นก็จับไม้จับมือขอบคุณกับทุกคน ตอนลุกออกมาก็ยกแก้วน้ำออกมาด้วย ช่วยเค้าเก็บน่ะ … แล้วก็ให้เค้าเดินนำมาส่งหน้าประตู ขอบคุณอีกรอบแล้วก็ อวยพรเทรฟลิ่กซมม่ะเค้าไป สิ่งยิ้มแล้วก็เดินออกมา โอววว โล่ง ผ่านไปแล้วววว... สบายและ กลับบ้านดีฝ่า … ก็รีบจ้ำไปขึ้นรถเมล์กลับบ้าน แต่ไปไม่ทัน ติดทางรถไฟเค้ากั้นเพราะรถไฟผ่านพอดี รถเมล์วิ่งผ่านไปต่อหน้าต่อตาเล้ยยย... เหอๆ
ต้องรอรถอีกหนึ่ง ชม. ก็เลยไปเดินเล่นชายทะเล บรรยากาศดีมาก สวยด้วย ก็ถ่ายรูปเล่นด้วยกล้องมือถือค่ะ เพลินเลย และแวะไปหาไรกินลองท้องที่ร้านกาแฟด้วย จากนั้นก็นั่งรถไฟอ้อมโลกไปม่าลเม๋อ จะไปซื้อข้าวสารที่ม่าลเม๋อค่ะ นัดพี่ไว้ที่นั่น ร้อนมากกก... เหนื่อยมากๆๆๆ เอ๋อไปเลยค่ะ แล้วก็นั่งรถยนต์กลับบ้านกับพี่เค้า ใจจะขาดให้ได้ เมารถอีก ถึงบ้านแล้วก็ โอววว... สุดๆ วันนี้ มันส์มากกกก...
// ยุ้ย
* เวบแนะนำสำหรับสัมภาษณ์งาน http://www.anstallningsintervju.se/
|